Brianna Grier: Bodycam footage released of woman who died after falling out of police car
Labels: news, World eNews Online, worldnews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดขึ้นทุกครั้งที่กฎหมายเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้าน ที่มีพฤติกรรมเป็นฝ่ายแค้นเสียมากกว่า สำหรับในครั้งที่ผ่านมาอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการทวงแค้นครั้งสุดท้าย มีการโฆษณาเชิญชวนประชาชนติดตามด้วยโปสเตอร์ที่น่าสนใจเหมือน
หนังนักสืบของเกาหลี และใช้ถ้อยคำที่ฟังดูดุเดือดมาก นั่นคือ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” แต่คำว่า “นั่งร้าน” ที่พวกเขาหมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าพรรค แต่คำนี้กลับเตือนใจผู้คนให้คิดถึงนั่งร้านหลังกระสอบข้าวในโกดังเก็บข้าวที่ชาวนาเอามาจำนอง
เป็นการชี้ให้เห็นว่ามีการทุจริตจำนวนข้าวที่ปรากฏในบัญชีการจำนองของชาวนา ดังนั้นคำดังกล่าวนี้กลายเป็นศรที่ย้อนกลับไปยิงหัวของฝ่ายที่อภิปรายนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกมองว่าเป็นนั่งร้านเสียมากกว่า และหัวที่ถูกเด็ดนั้น ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่กลายเป็นหัวของใครบางคนที่อยู่แดนไกล
ในที่สุดการอภิปรายที่เป็นการทวงแค้นครั้งสุดท้าย ก็จบลงโดยที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้กันทุกคน แม้ว่าจะได้คะแนนไม่เท่ากัน แต่ก็ไม่มีใครที่มีคะแนนเฉียดฉิว แม้คนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดก็ไม่ได้เฉียดฉิวแต่อย่างใด นอกจากจะสามารถผ่านการซักฟอกได้แล้ว ฝ่ายรัฐบาลยังได้โอกาสในการแถลงผลงานอีกด้วย ทั้งนี้เพราะข้อกล่าวหาที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายนั้น หลายเรื่องเป็นเพียงวาทกรรมที่หาความจริงเชิงประจักษ์มาสนับสนุนไม่ได้ หลายเรื่องก็เป็นข้อมูลที่ผิดพลาด ไม่รู้ว่าไม่หาข้อมูลให้ดีพอ หรือจงใจที่จะบิดเบือน ไม่ว่าข้อมูลที่ผิดพลาดจะมีที่มาที่ไปอย่างไร ประชาชนก็มองว่าฝ่ายค้านทำงานไม่ดีพอ ข้อมูลไม่แน่น ไม่สามารถหาความจริงเชิงประจักษ์มาเล่นงานรัฐบาลได้ และข้อกล่าวหานั้นก็กลายเป็นการหยิบยกประเด็นออกมาให้ฝ่ายรัฐบาลได้โอกาสในการแถลงผลงาน แม้ว่าจะมีรัฐมนตรีบางคนตอบได้ไม่กระจ่างนัก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดจะเด็ดหัวหรือสอยนั่งร้านได้อย่างที่คุยเอาไว้
แม้ว่าดาวสภาฝ่ายค้าน จะใช้ลีลาและวาทกรรมอย่างดุเดือดเพียงใด ก็ไม่สามารถเด็ดหัว สอยนั่งร้านได้สำเร็จ สำหรับแฟนคลับของฝ่ายค้าน พวกเขาจะมองว่าบรรดา ส.ส.ที่ยกมือให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนผ่านนั้นไม่ฟังเสียงประชาชน ก็ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงประชาชนกลุ่มไหนที่พวกเขาต้องการให้ ส.ส.ทั้งหลายฟังและยกมือให้ถูกใจประชาชน แล้วแฟนคลับของรัฐบาลที่มองว่าฝ่ายค้านยังทำงานไม่ดีพอ และฝ่ายรัฐบาลชี้แจงได้ดีเพียงพอที่จะผ่านนั้นเล่า พวกเขาไม่ใช่ประชาชนหรือไร ถ้าหาก ส.ส.เขาจะฟังประชาชนกลุ่มนี้จะได้ไหม เขาผิดไหม ถ้าหากเขาจะฟังประชาชนกลุ่มนี้ หรือจะต้องฟังเฉพาะประชาชนที่เป็นแฟนคลับของฝ่ายค้านเท่านั้น เพราะพวกเขาเป็น “ประชาชน” แบบนี้แล้วยังจะเรียกตัวเองว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” อีกหรือ
คำว่า “นั่งร้าน” และข้อกล่าวหาว่า “พลเอกประยุทธ์อยู่ 8 ปีไม่มีผลงาน” ตลอดจนข้อกล่าวหาว่า “มีการทุจริต” นั้น นอกจากจะไม่ระคายผิวนายกรัฐมนตรีแล้ว วาทกรรมและข้อกล่าวหาที่สาดออกไปนั้นกลับไปโดนคนหนีคุกไปอยู่แดนไกลอย่างจัง เพราะ “นั่งร้าน” คือส่วนหนึ่งของการทุจริตของคนแดนไกล มีคนเอาผลงาน 8 ปีของลุงตู่กับผลงานมากกว่า 10 ปีของรัฐบาลก่อนหน้านี้ว่าใครสร้างผลงานมากกว่ากัน และยังนำเอาตัวเลขของความเสียหายหลายแสนล้านจากการทุจริตของนายกรัฐมนตรีก่อนหน้าที่ลุงตู่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทุกอย่างเป็นความจริงเชิงประจักษ์ ดูได้จากคำพิพากษาของศาล ดังนั้นหัวที่ถูกเด็ดจึงไม่ใช่หัวลุงตู่ เพราะกระสุนที่สาดมานั้น ไม่ได้กระทบลุงตู่แต่อย่างใด แต่มันทำให้คนแดนไกลหัวขาด
การร่ายยาวด่าลุงตู่ พร้อมกับสรรเสริญคนแดนไกลของฝ่ายค้านนั้นเป็นเรื่องที่สวนกับความจริงเชิงประจักษ์ ถ้อยคำที่ร่ายยาวมานั้น มันคือการสร้างวาทกรรมด่าลุงตู่ พยายามจะด้อยค่าลุงตู่ว่าเป็นคนโง่ เป็นคนไม่เก่ง เป็นคนไม่มีภาวะผู้นำ เป็นคนนำพาประเทศชาติล้มเหลว ประชาชนเดือดร้อนจากเศรษฐกิจ และล้มตายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การร่ายยาวเช่นนี้ทำให้มีคนเอาประวัติความเก่งของลุงตู่ออกมาฉายกันเต็มพื้นที่ Social Media ขณะเดียวกัน เรื่องใหญ่ 2 เรื่อง คือ เรื่องการจัดการกับโควิด และการบริหารเศรษฐกิจในยามวิกฤตที่หยิบยกมาเล่นงานลุงตู่นั้น ไม่ใช่ความฉลาดอะไรเลย เพราะทั้ง 2 เรื่องที่ว่านี้ลุงตู่ทำได้ดี มีตัวเลขเชิงประจักษ์ ทั้งสถิติภายในประเทศ การจัดอันดับของต่างประเทศ ยกย่องประเทศไทยว่าสามารถจัดการกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีเป็นอันดับ 1 ของโลก และเป็นประเทศที่จะฟื้นตัวด้านเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว จำนวนนักท่องเที่ยว รายได้จากการท่องเที่ยว การเติบโตของการส่งออก เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นความสำเร็จในการบริหารบ้านเมืองของลุงตู่
แม้จะมีปัญหาเรื่องราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่แพงขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการเด็ดหัวลุงตู่ได้ เพราะปัญหาดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่สามารถอธิบายได้ เป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผล เพราะสถานการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และไทยเราก็สามารถจัดการได้ดีกว่าประเทศอื่น ราคาน้ำมันก็ไม่ได้แพงไปกว่าประเทศอื่น ยังถูกกว่าอีกหลายประเทศ ที่สำคัญคือยังมีให้เติม ราคาสินค้าที่แพงขึ้น หากดูตัวเลขเงินเฟ้อ เราก็มีอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าอีกหลายๆ ประเทศ ประชาชนฟังคำอธิบายของรัฐบาลก็เข้าใจ พวกเขาจึงมองว่าฝ่ายค้านยังทำการบ้านมาไม่ดีพอ การอวดอ้างความฉลาดของคนแดนไกลนั้น ลุงตู่สวนกลับได้เจ็บแสบดีว่า “ถ้านายของสูเจ้าฉลาดจริง ก็ต้องหาทางกลับประเทศไทยได้”
นอกจากเนื้อหาแล้ว ถ้อยคำและลีลาที่ใช้ในการอภิปรายของ ส.ส.บางคนก็หยาบคาย ต่ำตม แบบที่ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เรียกตัวเองว่า “ผู้ทรงเกียรติ” จะใช้ภาษาและลีลาอย่างที่ได้เห็นนั้น นอกจากนั้นแล้วมีการนำสิ่งของมาเป็นองค์ประกอบในการอภิปรายที่ดูเป็นเรื่อง “เล่นๆ” มากกว่าที่จะเป็นเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และบางอย่างก็เอามาใช้แบบไม่ถูกต้อง ข้อมูลไม่ดีพอ และที่ประชาชนรับไม่ได้เลยก็คือการวางดอกไม้จันทน์ที่ป้ายชื่อนายกรัฐมนตรี มันเป็นการกระทำที่ไร้จริยธรรม และเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาท คนที่คิดเป็นและมีคุณสมบัติของผู้ดี เขาคงไม่ทำกันแบบนี้ ขอบคุณที่ทำให้พวกเราได้เห็นผลงานของรัฐบาล และคิดว่าลุงตู่คงอยู่อีกนาน นั่งร้านยังไม่พัง หัวยังไม่ขาดนะ…ขอบอก.
The post อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล…หรือการแถลงผลงานของรัฐบาล appeared first on .
Labels: news, World eNews Online, worldnews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
ในหลวง โปรดเกล้าฯ รองเลขาธิการพระราชวัง ออกรับเครื่องราชสักการะและพานพุ่มถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
29 ก.ค.2565 – เวลา 07.53 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พันโท สมชาย กาญจนมณี รองเลขาธิการพระราชวัง ออกรับเครื่องราชสักการะและพานพุ่มถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2565 ซึ่งรัฐบาล ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้แทนภาคประชาชน เชิญเครื่องราชสักการะ ประกอบด้วย ต้นไม้ทอง ต้นไม้เงิน พานพุ่มทอง พานพุ่มเงิน และพานดอกไม้ธูปเทียนแพ จำนวน 120 คู่ ไปทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ บริเวณหน้าประตูภูธรลีลาศ พระลานพระราชวังดุสิต
Labels: news, World eNews Online, worldnews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
Covid booster shots that target hyper-transmissible omicron variants will be available from September, the Biden administration has announced.
The reformulated vaccines appear to be effective against the BA.5 and BA.4 strains that now make up more than 90 per cent of cases in the United States, CDC figures show.
On Friday, the Department of Health and Human Services (HHS) announced the purchase of 66 million doses of the Moderna vaccine that would be available over the fall and winter.
It came after the purchase of 105 million Pfizer vaccine booster doses last week.
“We must stay vigilant in our fight against Covid-19 and continue to expand Americans’ access to the best vaccines and treatments,” HHS Secretary Xavier Becerra said in a statement.
“As we look to the fall and winter, we’re doing just that — ensuring Americans have the tools they need to stay safe and help keep our nation moving forward.”
The US is experiencing a sixth wave of Covid cases fuelled by the highly contagious BA.5 and BA.4 omicron subvariants, with the CDC recording a rolling 7-day average of 126,272 cases on 27 July.
President Joe Biden last week contracted a mild case of the BA.5 sub variant, his doctors said.
Existing vaccines are effective at minimising the risks of severe illness, hospitalisation and death, but the BA.5 variant has evolved to bypass the effects of the doses and immunity from past infection.
The HHS said should the booster shots pass receive authorisation, they would seek additional funding from Congress to ensure there were enough shots for every American who wanted one.
Labels: news, World eNews Online, worldnews
โศกนาฏกรรมสำหรับคนในครอบครัวของนักเคลื่อนไหวพม่าที่ถูกรัฐบาลทหารพม่าประหารชีวิตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาหนักหน่วงอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน
เพราะนอกจากสามีและลูกของตนจะต้องถูกไล่ล่า, ถูกจับขึ้นศาลทหารที่ไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างเป็นธรรมแล้ว ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะอุทธรณ์คำตัดสินประหารชีวิตอีกด้วย
มิหนำซ้ำญาติพี่น้องยังไม่ได้รับทราบล่วงหน้าว่าจะมีการประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในวันรุ่งขึ้นอีกด้วย และยังถูกปฏิเสธที่จะได้รับศพกลับมาประกอบพิธีทางศาสนา
สำนักข่าว Radio Free Asia สัมภาษณ์ญาติผู้ใกล้ชิดหลังจากข่าวการประหารชีวิตได้รับการยืนยัน
Jimmy กับภรรยา Nilar Thein
ผมขอนำเอาบางส่วนของบทสัมภาษณ์นั้นมาแบ่งปันให้ได้อ่านกัน
ไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศสั้นๆ จากสื่อทางการเมียนมาเมื่อวันจันทร์ว่ามีการประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยอย่างโก จิมมี อดีต ส.ส. สังกัดพรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ Phyo Zeya Thaw และนักเคลื่อนไหวอีก 2 คน RFA Burmese ได้พูดคุยกับ Nilar Thein หญิงม่ายของ Ko Jimmy และ Phyo Zeya Thaw ขิ่น วิน เมย์ มารดาว่าด้วยการได้พูดคุยครั้งสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ผ่านซูม โดยไม่ได้รับรู้ว่านั่นคือการได้แลกเปลี่ยนกันครั้งสุดท้าย
RFA: คุณได้รับทราบอะไรเกี่ยวกับ Ko Jimmy ตอนไหนบ้าง?
Nilar Thein : รองผู้คุมแจ้งเราว่ามีการประหารชีวิตแล้ว เมื่อฉันขอคืนร่างของเขา เขาบอกว่ากฎหมายของเรือนจำไม่อนุญาตคำขอดังกล่าว
RFA : คุณต้องการจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?
Nilar Thein : ประชากรทั้งหมดในประเทศของเรากำลังเผชิญกับการจับกุมตามอำเภอใจและความรุนแรงและการปราบปรามทุกประเภท ฉันจะบอกว่าการประหารชีวิตคน 4 คน รวมถึงสามีของฉันและ Phyo Zeya Thaw เป็นการฆาตกรรมที่โจ่งแจ้ง
อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ พวกเขาจะต้องจะต้องได้รับผลกรรมสำหรับอาชญากรรมทุกเรื่องหรืออะไรก็ตามที่พวกเขาได้ทำลงไป
ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นโดยไม่มีเหตุผล วันหนึ่งผู้กระทำความผิดจะต้องพบกับชะตากรรมและการลงโทษที่พวกเขาสมควรได้รับสำหรับการกระทำที่พวกเขาได้กระทำลงไป
อีกอย่างคือสามีของฉัน โก จิมมี ยืนหยัดด้วยความมุ่งมั่นและความภักดีต่อประชาชนตราบจนสิ้นลมหายใจ
เขาได้ทิ้งความทรงจำที่ประเสริฐเอาไว้และเขาจะไม่มีวันตายในใจเรา เขาจะสถิตอยู่ในใจเราตลอดไป ในหัวใจของทุกคน ในฐานะวีรบุรุษ
RFA : ครอบครัวของคุณมีแผนอะไรหลังจากการประหารชีวิตครั้งนี้?
Nilar Thein : เราไม่ได้จัดงานศพให้เขา เพราะเราไม่ยอมรับการกระทำของพวกเขา (ของเผด็จการ) เราจึงไม่มีแผนงานศพ
RFA : คุณได้รับคำตอบสนองจากประชาคมระหว่างประเทศหรือไม่?
Nilar Thein : เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ Derek Mitchell และเอกอัครราชทูตคนอื่นๆ ได้ติดต่อมา
Phyo Zena Thaw กับคุณแม่เมื่อปี 2015
ฉันอธิบายกับพวกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดจนถึงการยืนยันของกรมคุมขัง
มีการระบุไว้ในคู่มือปฏิบัติของเรือนจำว่าต้องส่งคืนร่างของผู้ได้รับโทษประหารชีวิตให้กับครอบครัว
เฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถติดต่อครอบครัวได้พวกเขาจะดูแลร่างกาย ตอนนี้ฉันกำลังพยายามทุกขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อให้ได้ร่างกายกลับคืนมา
RFA : สามีได้พูดอะไรเกี่ยวกับการที่จะถูกประหารชีวิตตอนที่ได้พูดคุยกับเขาเมื่อวันศุกร์หรือไม่?
Nilar Thein : เราได้เรียนรู้ว่ารองผู้คุมกล่าวว่าสิ่งต่างๆ จะต้องเป็นไปตามคู่มือเรือนจำ แต่ยังไม่ทราบว่าจะดำเนินการเมื่อใด
ตอนที่เราคุยกันในวันศุกร์ โก จิมมี ขอให้ฉันฝากเงินบางส่วน (เพื่อซื้อเสบียง) และเจ้าหน้าที่เรือนจำบอกว่าเงินสามารถฝากได้ในวันจันทร์ และเมื่อเช้านี้ (วันเสาร์) เมื่อเราไปถึงเรือนจำ เราก็ได้ยินข่าวร้าย
RFA : คุณพูดถึงอะไรในการคุยกันเมื่อวันศุกร์?
Nilar Thein : เขาบอกว่าสุขภาพของเขาดี และเราไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเขาในสิ่งที่เราได้ยินจากภายนอก เขาบอกให้เราดูแลสุขภาพของเรา เขามีธรรมะอยู่ในใจ
ส่วนคุณแม่ของ Phyo Zeya Thaw ศิลปินนักร้องฮิปฮอปที่ต่อมาได้เป็น ส.ส.นั้นยืนยันว่า ‘ฉันภูมิใจในตัวลูกชายของฉันจริงๆ’
RFA : เราได้ยินมาเมื่อเช้านี้ (วันเสาร์) ว่าคุณไปที่เรือนจำ Insein และสอบถามเกี่ยวกับคดีของ Phyo Zeya Thaw ลูกชายของคุณ ตอนนั้นคุณได้รับการบอกเล่าอะไรบ้าง?
กิน วิน เมย์ : ฉันไปที่นั่นเมื่อเช้านี้ (เสาร์) ทันทีที่มีข่าวออกมา ฉันต้องการทราบว่าความจริงคืออะไร วันนี้ฉันมีแผนจะไปฝากเงินให้เขาที่เรือนจำอินเส่ง
เมื่อฉันได้คุยกับเขาในวันศุกร์ ฉันไม่มีเวลาฝากเงินและเตรียมที่จะทำในวันจันทร์ต่อมา
ครั้งแรกที่ประตูเรือนจำ ฉันถามพวกเขาว่าจริงตามที่มีข่าวตีพิมพ์ในข่าวหรือไม่ว่าลูกชายฉันถูกประหารชีวิตแล้ว
พวกเขาตอบว่าใช่ เหมือนข่าวในหนังสือพิมพ์ แต่สำหรับฉันสิ่งที่เขียนในหนังสือพิมพ์ไม่ชัดเจน เลยอยากทราบว่าจริงหรือเปล่า วันไหน และเมื่อไหร่
เราต้องทำพิธีศพตามประเพณีของชาวพุทธ ทีแรกก็บอกว่าเหมือนที่เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ ไม่ยอมให้ฉันเข้าไป ต่อมาฉันยืนกรานว่าต้องการพบเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ฉันบอกพวกเขาว่าฉันต้องการรายละเอียด จากนั้นพวกเขาก็ยอมให้ฉันพบเจ้าหน้าที่
RFA : เจ้าหน้าที่บอกอะไรคุณบ้าง? เขาอธิบายให้คุณฟังว่าอย่างไร?
คิน วิน เมย์ : ฉันถามเขาว่าจริงไหมที่ลูกชายของฉันถูกประหารชีวิต เขาตอบว่าใช่
ครอบครัวได้รับอนุญาตให้พบพวกเขาในวันศุกร์ และฉันดีใจมากที่ได้เห็นเขา หวังว่าเส้นทางจะชัดเจน (สำหรับอนาคต) เป็นครั้งแรก (ตั้งแต่ถูกจับกุม) ฉันบอกเจ้าหน้าที่ว่าฉันดีใจมากที่ได้เจอลูก
ฉันดีใจมากที่เห็นเขาสดใส ร่าเริง และมีสุขภาพดี
แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าวันต่อมาจะมีการประหารชีวิต และเจ้าหน้าที่เรือนจำ Insein ได้อ่านขั้นตอนของเรือนจำให้ฉันฟัง
เมื่อโก จิมมี และลูกชายของฉันถูกส่งตัวเข้าคุกครั้งแรก พวกเขาได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสภาบริหารรัฐ พวกเขาส่งอุทธรณ์ 2 ครั้ง และถูกปฏิเสธทั้ง 2 ครั้ง และตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังอ่านขั้นตอนของเรือนจำทั้งหมด
ฉันจึงถามเขาว่าต้องโทษประหารชีวิตหรือไม่ พวกเขาบอกว่าทุกอย่างจะดำเนินการตามขั้นตอนของเรือนจำ
แต่เขาบอกว่าเขาจะแจ้งให้เราทราบตามกฎของเรือนจำว่าจะต้องดำเนินการวันไหน หรือเมื่อไหร่
ฉันไม่รู้ว่าเป็นการพบเขาครั้งสุดท้าย และลูกชายของฉันไม่รู้ว่านี่เป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของเราเช่นกัน เขายังขอให้ฉันนำของส่วนตัวมาด้วยในครั้งต่อไปด้วยซ้ำ
RFA : เป็นการยืนยันว่ามีการประหารชีวิตหรือไม่?
คิน วิน เมย์ : ใช่ แน่นอน ถามว่าจริงไหม ประหารวันไหน? ดำเนินการเมื่อไหร่? เพราะเราต้องทำพิธีศพ และเขาบอกให้ฉันคิดว่ามันเป็นหนึ่งในสองวัน เสาร์หรืออาทิตย์
ฉันบอกว่าฉันต้องรู้ว่ามันจะเสร็จวันไหน เขาควรจะบอกฉันว่ามันเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์
พอฉันถามว่าตกลงมันคือวันไหน พวกเขาก็บอกให้ฉันเดาเอาเอง
พอถามถึงเรื่องจะขอศพมาทำพิธีศาสนา เขาบอกว่าพวกเขามักจะไม่ส่งคืนร่างให้
ฉันก็ถามว่าถ้าอย่างนั้นจะเอาขี้เถ้าของเขามาได้ไหม เพราะอย่างน้อยก็จะได้เอามาฝังเอง และเขาก็บอกว่าไม่ได้
RFA : ในฐานะแม่ คุณอยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับการสูญเสียลูกชายแบบนี้?
คิน วิน เมย์ : ลูกชายของฉันไม่ใช่โจรหรืออันธพาล ฉันภูมิใจในตัวเขาที่สละชีวิตเพื่อประเทศชาติ ฉันภูมิใจในตัวลูกชายของฉันจริงๆ ถ้าฉันสามารถเอาขี้เถ้าหรือซากศพของเขาได้ ฉันอยากจะทำหลุมฝังศพให้เขาเพื่อจารึกไว้
RFA : ในเมื่อคุณยังไม่ได้รับรูปถ่ายหรือหลักฐานใดๆ ว่าเขาถูกประหารชีวิต คุณอยากจะถามอะไรจากผู้รับผิดชอบ?
คิน วิน เมย์ : ฉันจะไม่ขออะไรทั้งนั้น มันเป็นกรรมของฉันเอง ลูกชายฉันต้องตายเพราะเขาถูกลิขิตมาเพื่อวันนี้ ฉันจะอายุ 76 ปีในไม่ช้านี้ ฉันจะต้องทำงานเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น (หลังจากนี้) ใช่ไหม?
ฉันจะไม่ทำอะไร ฉันส่งความรักของฉันไปยังสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ฉันขออธิษฐานในนามของลูกชาย ขอให้ชาวเมียนมาและคนทั้งโลกมีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัย.
The post จากปากคำอันปวดร้าว ของผู้เป็นภรรยาและแม่ appeared first on .
Labels: news, World eNews Online, worldnews
การจับโยงทุกอย่างไปหาการเมืองแล้วเสี้ยมให้แตกแยก ด้อยค่าฝ่ายที่คิดไม่เหมือนตัวเองเป็นพวกสร้างภาพ สลิ่มล้าหลัง พฤติกรรมแบบนี้ห่างจากความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที
เศรษฐีอาณาจักรหมื่นล้านแสนล้าน บริจาคเงินหลักพันล้านเพื่อสังคมส่วนรวมมีอยู่หลายคนครับ แต่ในนั้นไม่มี “ทักษิณ” และ “ธนาธร”
ฉะนั้นหากจะเอาการเมืองมาตำหนิการเสียสละเพื่อสังคมของ “อากงจุน” ควรหันไปรอบๆตัวเองก่อน ในหมู่สามนิ้่ว อมเงินบริจาคกันบ่อยไม่ใช่หรือ
อีกเรื่องร่ายยาว พลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัย ปราชญ์ชาวพุทธ อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ดีกรีเปรียญธรรม ๙ ประโยค โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “คุณค่าทางจิตใจ”
——————-
…เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๕ ผมไปเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พร้อมกับคณะนายทหารและนายตำรวจชั้นนายพล
อันที่จริงควรจะพูดว่า คณะนายทหารและนายตำรวจชั้นนายพลเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ และผมร่วมอยู่ในคณะนั้นด้วย
นายทหารและนายตำรวจชั้นนายพลที่เข้าเฝ้าครั้งนี้จำกัดเฉพาะผู้ที่ได้รับพระราชยศใน “วาระประจำปี ๒๕๖๔” (ตามสำนวนภาษาของทางราชการทหาร)
เหตุที่ผมต้องร่วมอยู่ในคณะนั้นด้วยก็เพราะผมเป็นผู้หนึ่งที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานยศ พลเรือตรี เป็นกรณีพิเศษ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๔ จึงอยู่ในเกณฑ์ “วาระประจำปี ๒๕๖๔”
ในขั้นการเตรียมการ กองทัพเรือได้แจ้งกำหนดการต่างๆ ให้ทราบล่วงหน้า มีข้อความตอนหนึ่งที่ผมชอบมาก คือกองทัพเรือบอกว่า
… การเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี กรณีไม่สามารถเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทได้ ให้เสนอรายงานชี้แจงเหตุผลความจำเป็น กรณีป่วย สุขภาพไม่ดี ไปราชการต่างประเทศ ขอให้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นโดยแนบใบรับรองแพทย์หรือคำสั่งเดินทางไปราชการ ทั้งนี้ให้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร …
ที่ผมว่าชอบมากก็เพราะ นี่คือการย้ำบอกถึงหน้าที่ ความรับผิดชอบ และ “ธรรมชาติ” ของทหาร
พูดภาษานักเลงปากท่อก็ว่า-ถ้าเห็นเป็นเรื่องเล็กเรื่องเล่น ก็อย่ามาเป็นทหารเรือ
สำหรับผม-และสำหรับทหารทั้งปวงแห่งกองทัพไทย-การถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นคุณค่าทางจิตใจที่สำคัญยิ่ง ในบรรดาคุณค่าทางจิตใจที่มนุษย์จะพึงแสวงหาไว้สำหรับชีวิตของตน
กองทัพเรือปฏิบัติการด้านบริการทุกอย่างให้แก่นายพลทั้งหมดของกองทัพเรือที่ไปเข้าเฝ้าครั้งนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบภารกิจการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณด้วยความเรียบร้อย
ขออนุญาตบันทึกไว้เป็นข้อมูลส่วนตัวว่า ในจำนวนนายทหารและนายตำรวจชั้นนายพลรวมทั้งสิ้น ๑,๐๐๗ คน ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณวันนั้น พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย นายทหารพ้นราชการสังกัดกองทัพเรือ มีอายุมากที่สุด คือ ๗๗ ปี
ในการนี้ กองทัพเรือมอบหมายให้นายทหารชั้นนายพลคนหนึ่งที่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณและมีชื่อขึ้นต้นด้วยอักษรใกล้กับผมซึ่งจะต้องยืนใกล้กันในพิธี เป็นผู้กำกับดูแลอำนวยความสะดวกให้ผม ตั้งแต่ขึ้นรถออกจากหอประชุมกองทัพเรือ และทุกลำดับขั้นตอนระหว่างอยู่ในพิธี จนกระทั้งขึ้นรถกลับถึงหอประชุมกองทัพเรือ และส่งผมขึ้นรถกลับเคหสถานอย่างเรียบร้อย
ทหารเรือที่แท้จริงไม่ทิ้งกัน-โปรดให้เกียรติตราไว้ในดวงใจของท่านทั้งปวงด้วยเถิด
ต่อมา สื่อต่างๆ ก็เสนอข่าว สรุปความได้ดังนี้
เมื่อเวลา ๑๙:๒๑ น. วันที่ ๒๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำนายทหารชั้นนายพล จำนวน ๘๐๙ คน และนายตำรวจชั้นนายพล จำนวน ๑๙๘ คน รวมทั้งสิ้น ๑,๐๐๗ คน ที่ได้รับพระราชทานยศ เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ในโอกาสนี้ พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ร่วมเข้าเฝ้าฯ ด้วย
ผมเข้าใจว่า ไม่มีสื่อแขนงไหนถ่ายทอดข้อความที่เป็นคำถวายสัตย์ปฏิญาณ และคนภายนอกหรือคนส่วนมากก็น่าจะไม่เคยได้ยินเต็มๆ ด้วย จึงขออนุญาตนำมาบันทึกไว้ในที่นี้
คำถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๕ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต มีข้อความดังนี้
ข้าพระพุทธเจ้า (ยศ..ชื่อ..สกุล..) ขอพระราชทานกระทำสัตย์ปฏิญาณต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ท่ามกลางมหาสันนิบาตนี้ว่า
ข้าพระพุทธเจ้าผู้ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น จะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ จะปฏิบัติการทุกอย่างโดยเต็มสติปัญญาความสามารถ ด้วยความเสียสละ เพื่อความเจริญ ความสงบสุข ความมั่นคงไพบูลย์ของชาติไทย ตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่
หากข้าพระพุทธเจ้าประพฤติปฏิบัติฝืนคำสัตย์ปฏิญาณนี้เมื่อใด ขอความวิบัติจงเกิดแก่ข้าพระพุทธเจ้าเมื่อนั้นโดยฉับพลันทันที อย่าให้มีความสุขความสวัสดีด้วยประการทั้งปวง
หากข้าพระพุทธเจ้าดำรงมั่นในสัตย์ปฏิญาณนี้ยั่งยืนไป ขออานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัย และพระสยามเทวาธิราช ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงบันดาลความสุขสวัสดีแก่ข้าพระพุทธเจ้า และขอให้ข้าพระพุทธเจ้ามีความเจริญในหน้าที่ราชการ เป็นกำลังทำนุบำรุงประเทศชาติ ตามปณิธานปรารถนาจงทุกประการ
ลำดับนี้ ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทที่พระราชทานในวันนั้นมาบันทึกไว้ ดังนี้
พระบรมราโชวาท
พระราชทานแก่นายทหารและนายตำรวจชั้นนายพลที่ได้รับพระราชทานยศ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต
วันพุธที่ ๒๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
เวลา ๑๙:๒๑ นาฬิกา
——————–
ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้มาพบกับนายทหาร และนายตำรวจชั้นนายพล ในโอกาสที่ทุกท่านได้มาถวายสัตย์ปฏิญาณตนอย่างพร้อมเพรียงกัน
การถวายสัตย์ปฏิญาณตนนี้ เป็นทั้งการประกาศความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นทั้งการเตือนใจให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบซึ่งย่อมจะมีมากขึ้น ในฐานะที่ทุกท่านได้รับยศสูงขึ้นเป็นนายทหารและนายตำรวจชั้นนายพล
ท่านทั้งหลายเมื่อให้คำสัตย์ปฏิญาณไว้แล้วอย่างเข้มแข็ง จึงจำเป็นต้องรักษาไว้อย่างเคร่งครัด ด้วยการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต เที่ยงธรรม ระมัดระวัง รอบคอบ และทุ่มเทเสียสละอย่างสูงสุด ถ้าท่านปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยดีสมกับความรับผิดชอบที่มีแล้ว ผลงานของท่านก็จะอำนวยประโยชน์แก่ประเทศชาติโดยตรง และทุกท่านก็จะภูมิใจได้เต็มที่ ทั้งในการรักษาหน้าที่และรักษาคำสัตย์ปฏิญาณ
ขออำนวยพรให้ทุกท่านมีความสุขในชีวิต มีความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่าง และประสบแต่ความสุขความเจริญจงทั่วกัน
———————–
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕
———————
พอจะนึกภาพออกว่า “คุณค่าทางจิตใจ” จากการได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนนั้น มีความสำคัญมากสำหรับผู้ที่นำคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนไปปฏิบัติอย่างจริงจัง เช่น พลเรือตรี ทองย้อย
แต่สำหรับนักการเมืองนั้นบางคนอาจต่างออกไป
รัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๑ บัญญัติว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้
“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
“จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต” ประโยคนี้จะมีนักการเมืองสักกี่คนที่จำใส่ใจแล้วปฏิบัติตาม
ครับ..สำหรับนักการเมืองบางคนแล้วถวายสัตย์ปฏิญาณ เป็นเพียงพิธีการก่อนเข้าสู่อำนาจเท่านั้น ไม่ได้มีคุณค่าทางจิตใจแต่อย่างใด
ไม่งั้นจะมีรัฐมนตรีติดคุก นายกฯหนี หรือ.
Labels: news, World eNews Online, worldnews
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม 2565 กล่าวว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ต่อสายตรงถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อพุดคุยในประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับไต้หวันและการพิพาททางการค้า
ทำเนียบขาวออกมาให้ข้อมูล กล่าวว่า การโทรเริ่มต้นเมื่อเวลา 08:33 น. ในกรุงวอชิงตัน (19.33 น. ตามเวลาประเทศไทย) และจะมีการออกแถลงการณ์หลังจากการสนทนาทางโทรศัพท์สิ้นสุดลง
แม้ว่านี่จะเป็นการพูดคุยครั้งที่ 5 ของโจ ไบเดนและสีจิ้นผิง ตั้งแต่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีมากว่าปีครึ่ง แต่ความไม่ไว้วางใจระหว่างทั้งสองประเทศยังคงมีอยู่เสมอ
สถานการณ์การแข่งขันและกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงประเด็นการเยือนไต้หวันของนักการเมืองระดับสูงสหรัฐฯ ยิ่งทำให้ความขัดแย้งมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยทั้งสองฝ่ายมีสัญญาณการปรองดองกันได้น้อยมาก
โจ ไบเดนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสีจิ้นผิง มากกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ยังไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอย่างจริงจังแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่ไบเดนรับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ไบเดนจะต้องการแบ่งแยกขั้วระหว่างสองชาติอย่างชัดเจน แต่ว่าเขาพยายามจะรักษาระดับความสัมพันธ์ให้ยังสามารถรับโทรศัพท์และพูดคุยซึ่งกันและกันอย่างตรงไปตรงมาได้.
Labels: news, World eNews Online, worldnews
Olivia Rodrigo fans are processing a range of emotions after she and Joshua Bassett publicly reunited on Wednesday.
The 19-year-old singer and 21-year-old actor posed on the red carpet on Wednesday night for the season three premiere of High School Musical: The Musical: The Series, in which they play on-screen love interests. For the occasion, the pair both wore black outfits, with Rodrigo, who plays the role of Nini on the show, dressed in a black two-piece, black sheer tights, and platform heels, while Bassett, who plays Ricky, opted for a black satin suit.
On social media, videos and pictures of the duo smiling on the red carpet together went viral as fans expressed their shock to see them together at all, as rumours sparked last year suggested that Rodrigo and Bassett had dated and that her hit breakup song “Drivers License” was about him.
“JOSHUA BASSETT AND OLIVIA RODRIGO…BREATHING THE SAME AIR…NEXT TO EACH OTHER…IN 2022…I HAVE NO WORDS,” one person tweeted.
“Olivia Rodrigo and Joshua Bassett said ‘let’s make history today!’” another added.
A third person said: “Never in a million f***ing years I would have predicted an Olivia Rodrigo and Joshua Bassett pic together.”
Multiple fans also described the duo’s reunion as “surreal” and “a fever dream”.
However, others had their suspicions, with some questioning if the co-stars were actually on good terms, after Bassett revealed in December while speaking to GQ that he and his co-star had not spoken since the debut of her Grammy-winning single, and that he had been subjected to intense scrutiny since the release of the song.
Fans were convinced that Rodrigo and Bassett grew close in 2019 while filming the first season of High School Musical: The Musical: The Series, but assumed that the pair couldn’t date because the “Deja Vu” singer was 15 at the time and the Disney Channel actor was 18.
However, fans later speculated that Rodrigo was referring to Sabrina Carpenter, who was seen hanging out with Bassett during late 2019 and early 2020, when she references a “blonde girl” in “Drivers License”.
“Idk but Olivia Rodrigo happily posing with Joshua Bassett as if she didn’t write all those songs about him is a bit weird to me,” one Twitter user claimed.
Neither Rodrigo or Bassett have confirmed if they were ever in a relationship or if Sour is about their alleged romance.
Labels: news, World eNews Online, worldnews
ยิหวา–ปรียากานต์ ใจกันทะ นางเอกสาวหน้าหวาน และแฟนหนุ่ม เปอร์-สุวิกรม อัมระนันทน์ พิธีกรชื่อดัง ที่แม้จะงานยุ่งแค่ไหนแต่ก็ยังขอเคลียร์คิวบินลัดฟ้าไปสกอตแลนด์กับโอกาสสุดแสนพิเศษร่วมเล่น “โปร–แอม” กับนักกอล์ฟระดับโลก งานนี้ทั้งคู่เผยตื่นเต้นมากที่ได้เล่นโปร–แอมในเวทีกอล์ฟระดับโลกที่สกอตแลนด์เป็นครั้งแรกในชีวิต พร้อมอ้อนแฟน ๆ ชาวไทยส่งกำลังใจเชียร์นักกอล์ฟไทยทั้ง 12 คนในเวทีระดับโลกอย่าง “ทรัสต์กอล์ฟ วีเมนส์ สก็อตติช โอเพ่น 2022” ที่สกอตแลนด์ 28-31 กรกฎาคมนี้
ยิหวา–ปรียากานต์ ใจกันทะ นางเอกหน้าหวานที่แสดงบทไหนก็ตีบทกระจุยแล้วยังมีความสามารถทางด้านกีฬากอล์ฟเรียกได้ว่าว่างเมื่อไหร่เป็นต้องออกรอบ ล่าสุดนางเอกหน้าหวานสายสปอร์ตพร้อมหนุ่มเปอร์ บินลัดฟ้าไปสกอตแลนด์เพื่อร่วมเล่น “โปร–แอม” กับนักกอล์ฟอาชีพระดับโลกที่จะลงแข่งขันกอล์ฟรายการ “ทรัสต์กอล์ฟ วีเมนส์ สก็อตติช โอเพ่น 2022” ณ สนามดันโดนัลด์ ลิงค์ส ซึ่งบริษัททรัสต์กอล์ฟ จากประเทศไทยป็นผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขัน
การแข่งขันรอบ ”โปร–แอม” นำนักกอล์ฟอาชีพชื่อดังจากทั่วโลกและนักกอล์ฟสมัครเล่นออกรอบร่วมกันทั้งหมด 36 ก๊วน อาทิ จินยอง โค นักกอล์ฟมือ 1 ของโลกคนปัจจุบันจากเกาหลีใต้ เอรียา จุฑานุกาล และ อาฒยา ฐิติกุล สองนักกอล์ฟขวัญใจชาวไทย ขณะที่ยิหวา–ปรียากานต์ นักแสดงสาวชื่อดังและเปอร์–สุวิกรมได้เล่นร่วมกับ ฮินาโกะ ชิบูโนะ โปรสาวญี่ปุ่นดีกรีแชมป์เมเจอร์รายการ วีเมนส์ บริติช โอเพ่น 2019
ยิหวาและเปอร์คู่รักนักกอล์ฟสมัครเล่นให้สัมภาษณ์ถึงความปลาบปลื้มครั้งนี้ว่า “เราสองคนไม่เคยมาตีกอล์ฟที่สกอตแลนด์มาก่อน ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของเราทั้งคู่มาก ๆ ค่ะ สำหรับคนที่ไทยที่ไม่เคยมาสกอตแลนด์ก็คงจะเคยได้ยินว่าต้นกำเนิดของกอล์ฟอยู่ที่สกอตแลนด์ ซึ่งมีสนามกอล์ฟชื่อดังมากมายรวมถึง ดันโดนัลด์ ลิงค์ส ที่เราสองคนได้มีโอกาสมาเล่น “โปร-แอม”รายการ “ทรัสต์กอล์ฟ วีเมนส์ สก็อตติชโอเพ่น2022” และได้เจอนักกอล์ฟที่เก่งกาจชาวไทยหลายคน อาทิ โปรเม โปรแพตตี้ โปรเมียว เรียกได้ว่ามีนักกอล์ฟไทยลงแข่งขันนับสิบคน ต้องบอกว่าสนามดันโดนัลด์ ลิงค์ส เล่นยากและท้าทายมากเชื่อว่าการแข่งขันต้องเข้มข้นตลอดทั้ง 4 วัน ซึ่งนอกจากได้มาเปิดประสบการณ์แล้ว เรายังโชคดีที่ได้มาเห็นความยิ่งใหญ่ของทัวร์นาเมนต์ทั้งเรื่องของการเซ็ตสนาม การจัดการแข่งขัน และทราบมาว่ามีเงินรางวัลรวมเกือบ 70 ล้านบาท ไม่แปลกใจว่าทำไมนักกอล์ฟดังทั่วโลกถึงอยากมาแข่งขันรายการนี้”
ด้านยิหวาที่ยังคงฟินกับการได้เล่น “โปร–แอม” กับนักกอล์ฟระดับโลกเผยว่า “วันนี้เราสองคนมาเป็นกำลังใจให้นักกอล์ฟไทยทุกคนที่ลงแข่งขัน ส่วนวันนี้ยิหวาและพี่เปอร์สนุกมากที่ได้ร่วมเล่นกับ ฮินาโกะ ชิบูโนะ ซึ่งตอนแรกยิหวากดดันที่ต้องเล่นกับเขา เพราะเคยเห็นผลงานของเขามาก่อนหน้านี้ แต่พอมาเจอตัวจริงเขาน่ารักมาก แถมคอยให้กำลังใจยิหวาตลอด”
นอกจาก ยิหวาและหนุ่มเปอร์จะได้ลงเล่นรอบ “โปร–แอม” ทั้งคู่ยังบอกว่าจะขอตามเชียร์นักกอล์ฟสาวไทย เพราะรายการนี้มีนักกอล์ฟไทยมากถึง 12 คน พร้อมเชียร์ให้สาวไทยคว้าแชมป์ และทิ้งท้ายด้วยการอ้อนแฟน ๆ ชาวไทยให้ช่วยกันส่งแรงใจเชียร์นักกอล์ฟไทยทุกคนใน “ทรัสต์กอล์ฟ วีเมนส์ สก็อตติช โอเพ่น 2022” ที่ดันโดนัลด์ ลิงค์ส คอร์ส ของสกอตแลนด์ ระหว่าง 28-31 กรกฎาคมนี้
แฟนกอล์ฟชาวไทยสามารถรับชมถ่ายทอดสดการแข่งขัน “ทรัสต์กอล์ฟ วีเมนส์ สก็อตติช โอเพ่น 2022”ได้ทาง Golf Channel และ True Sports3 HD และ PPTV HD ช่อง 36 โดยวันและเวลาถ่ายทอดสด
o วันพฤหัสบดีและวันศุกร์ 28-29 กรกฎาคม เวลา 23:45 – 01:00 น.
o วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม เวลา 23:00 – 01:30 น.
o วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม เวลา 20:15 – 23:30 น.
Labels: news, World eNews Online, worldnews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
Several colleges in Alabama received bomb threats, prompting police investigations.
Auburn University, Jefferson State Community College, and Shelton State Community College all received threats, according to WVTM.
“No threats to any institutions have been deemed credible at this time”, Shelton State later wrote on Facebook.
An “AU Alert” at 12.06pm said that Police were “investigating” a report of a bomb threat at the Nursing Building. The school urged people to “stay clear” of the area until they had been given an all-clear.
It also urged people to “report suspicious items” and “activity to police”.
The all-clear came over an hour later, at 1.33pm, when another alert said: “ALL CLEAR. The previous emergency has been resolved. Police have cleared the Nursing Bldg. It is safe to resume normal activity.”
Jefferson State reported a bomb threat at 11.58am.
“A bomb threat was reported at the Jefferson Campus. ALL students and employees are asked to evacuate the buildings (ALL buildings) on the Jefferson Campus (Carson Road) immediately!!!” a message said.
Shelton State said at 11.11am that its campuses had been closed down: “SSCC Alert: Due to unforeseen circumstances, both campuses of Shelton State Community College are closed until further notice. Please monitor social media for updates.”
The school later issued a statement on Facebook, saying that the threats were deemed “false”.
“Shelton State Community College was one of several Alabama Community College System (ACCS) institutions targeted for the threat of potential danger”, the school posted. “Both campus communities were notified immediately according to safety procedures and guidelines, and all faculty, staff, and students were evacuated safely. Following thorough search efforts, the threats were deemed false and both campuses were cleared.”
“A full investigation will now commence, and every effort will be made to identify those responsible for today’s threat”, the school said in its statement. “Circumstances on neither campus pose any danger to students or employees, however, the College will remain closed for today.”
There are further reports of bomb threats at other schools in South Alabama, WVTM reported.
More follows…
Labels: news, World eNews Online, worldnews
The Pink Sauce saga continues.
A content creator known as Chef Pii has gone viral recently for selling a mysterious homemade condiment known only as Pink Sauce. While a number of customers have since received their (questionable) Pink Sauce orders, one crucial question about the product remains: Is it safe? According to Chef Pii, yes. But don’t ask her if the Pink Sauce is FDA approved.
“F in FDA” began trending on Twitter earlier this week when Chef Pii – whose real name is Veronica Shaw – fielded questions on social media about the contents of her Pink Sauce. In a TikTok livestream re-posted by one Twitter user, a viewer asks Chef Pii whether her sauce is FDA-approved.
“What do you mean FDA approved?” she said. “I don’t sell medical products. The Pink Sauce is not a medical product. The Pink Sauce don’t contribute to your health. I never said that, did I?”
Of course, Chef Pii’s response prompted hilarious social media reactions from people confirming that the F in FDA does indeed stand for food, as in the US Food and Drug Administration. Even popular Twitter account UberFacts took the moment as an educational opportunity.
While a food product doesn’t necessarily have to be “approved” by the FDA, there are many requirements a manufacturer must follow in accordance with FDA guidelines. According to the agency’s “How to Start a Food Business” guide, the FDA “regulates all foods and food ingredients introduced into or offered for sale in interstate commerce”. Hypothetically speaking, if someone plans on shipping a mysterious homemade condiment across state lines, they are subjected to FDA regulation.
If a person wants to concoct a pink sauce in the privacy of their own kitchen – again, hypothetically – then the private residence must meet the guidelines established by their state and local health department. Food manufacturers are also responsible for developing “truthful and not misleading” nutrition labels for their products.
Does Chef Pii’s Pink Sauce oppose FDA guidelines? Well, many customers did notice ingredients like vinegar had been misspelled as “vinger” on the Pink Sauce nutrition label, and it somehow offered 444 servings per bottle. The nutritional facts also displayed ingredients that weren’t previously advertised, including milk. Some customers even reported busted packaging or a “rotten” smell.
That’s why it’s no surprise Chef Pii claimed on social media that the FDA showed up to her house following the complaints. Shaw had posted a video of herself allegedly speaking to an FDA representative after her product went viral, but it’s unclear whether the visit was real or simply staged to silence her critics.
The viral Pink Sauce goes to show that the internet truly is a bizarre place. And even though many red flags have been raised about the Pink Sauce – misspelled ingredients, angel number serving sizes, and the fact that it’s shipped across state lines in 95 degree heat – the Pink Sauce is currently sold out on her website, because the internet gonna internet.
Labels: news, World eNews Online, worldnews
งง!
ตกลงเอาไงแน่ จากบัตรเลือกตั้ง ๒ ใบ หาร ๑๐๐ เป็นหาร ๕๐๐
วันนี้มีข่าวจะกลับไปใช้บัตรใบเดียวอีกแล้ว
ระบบเลือกตั้งของไทยกำลังจะเป็นสูตร ฟิสิกส์ เคมี บวก คณิต เข้าไปทุกที มันเริ่มจะซับซ้อนจนชาวบ้านเขาไม่เข้าใจ
หลังเลือกตั้งนับคะแนนเสร็จยังไม่รู้เลยใครได้เป็นส.ส.บ้าง ต้องเอาเครื่องคิดเลขมาจิ้มคำนวณราวกับข้อสอบปริญญาเอก
ต้องบวกลบคูณหาร ต้องปัดเศษ
พรรคนี้ไม่ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพราะโควต้าเต็ม
พรรคโน้นกวาดไปเรียบเพราะถอดสมการแล้ว เก้าอี้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อยู่ในมือเพียบ
มันซับซ้อนเกินไป
นึกถึงการเลือกตั้งก่อนปี ๒๕๔๐ บางครั้งว่ายากแล้วเพราะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนงงเหมือนกัน มีทั้งพวงเล็ก พวงใหญ่ เรียงเบอร์ ไม่เรียงเบอร์ เขตเดียวคนเดียว แต่ชาวบ้านเขาเข้าใจ
ปิดหีบเสร็จนับคะแนนจบ รู้เลย ไม่ต้องมาคำนวณหาส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ให้เสียเวลา
ข้อเสียของการเลือกตั้งระบบเก่าคือได้ นักเลง ผู้มีอิทธิพล ในพื้นที่มาเป็นส.ส. มีการซื้อสิทธิขายเสียง ทำให้สภาไม่มีคุณภาพ
เป็นที่มาของส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
จุดกำเนิดส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ คือต้องการให้มีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ กูรู เข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคการเมือง
ไปๆมาๆผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อัดแน่นไปด้วย กูรู้ และเจ้าของเงิน ผู้มีอิทธิพล
ในอนาคตก็มีจะหัวหน้าครอบครัว ผอ.ครอบครัว ยันคนทำความสะอาดในครัวด้วย
ปัจจุบันเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญถูกทำให้บิดเบี้ยว และเพิ่มความยากเข้าไปด้วยสูตรคำนวณที่ชาวบ้านไม่เข้าใจ
ว่ากันตรงๆที่ทำกันอยู่ในขณะนี้หาร ๑๐๐ หาร ๕๐๐ ก็เพื่อความได้เปรียบทางการเมือง
สุดท้ายแล้วการเลือกตั้งแบบนี้อาจไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน
ขณะที่ปัญหาใหญ่ของการเลือกตั้ง ไม่ใช่เลือกตั้งแบบไหน
แต่เลือกตั้งอย่างไร ไม่ให้มีการซื้อสิทธิขายเสียง การโกง หรือมีน้อยที่สุดต่างหาก
จะหาร ๑๐๐ หาร ๕๐๐ แทบไม่มีประโยชน์อะไรหากยังมีการโกงเลือกตั้งกันอยู่
ทุกวันนี้การโกงเลือกตั้งแนบเนียนกว่าอดีตมาก
หมดยุคแจกปลาเค็ม
หรือแจกรองเท้าข้างขวาก่อนเลือกตั้ง ถ้าได้เป็นส.ส.จะแจกข้างซ้าย
ถ้าไม่ได้ก็รอเลือกตั้งครั้งถัดไป
ปัจจุบันซื้อโดยใช้นโยบายประชานิยมหลอกล่อ
ได้เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ก็เอางบประมาณแผ่นดินไปผลาญกัน
ก็เข้าทำนองแจกปลามากกว่าแจกเบ็ดนั่นแหละครับ
หลายประเทศทั่วโลกติดหล่มนโยบายประชานิยมจนทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจในประเทศมีปัญหา ไทยเราผ่านเรื่องนี้มาแล้ว และกำลังเป็นอยู่
นโยบาย รถคันแรก เป็นตัวอย่างที่ตรงที่สุด
แล้วจะแก้ปัญหากันอย่างไร?
ยากครับ!
ในสภากำลังยุ่งกับเรื่องหาร ๑๐๐ หาร ๕๐๐ คงไม่มีใครให้คำตอบว่า แล้วจะแก้ปัญหาโกงเลือกตั้งกันอย่างไร
มีนักการเมืองหลายพรรคพยายามบอกว่า คะแนนเสียงดี ไม่จำเป็นต้องซื้อ
ไม่มีหรอกครับพรรคที่ปลอดการซื้อเสียง ต่างกันที่ซื้อมากซื้อน้อยเท่านั้น
การเลือกตั้งครั้งถัดไปนี้ สู้กันหนักแน่
เพราะฝั่งหนึ่งบอกแลนด์สไลด์
อีกฝั่งตะโกนลั่นแพ้ไม่ได้เหมือนกัน
เงินไหลเป็นน้่ำ!
ไม่เฉพาะนักการเมืองครับ ประชาชนเองก็มีส่วน แต่จะไปโทษประชาชนทั้งหมดคงไม่ได้ ก็คนมันไม่มีจะกิน ให้ปลามาเท่าไหร่ก็หมด
เดี๋ยวนี้ต่อให้แจกเบ็ด บางคนก็ไม่เอา เพราะมันเคยตัวรับแต่ปลามาตลอด
ปลาไปลักจับมาจากบ่อคนอื่นก็ไม่สน ขอแค่แบ่งกันเท่านั้นพอ
มองไปข้างหน้าการเลือกตั้งมีแต่จะสร้างวิกฤตเสียมากกว่าโอกาส
ถึงเวลาที่คนไทยต้องเรียนรู้เรื่องการเลือกตั้งกันใหม่
การเลือกตั้งไม่ใช่เลือกคนที่ชอบ
เพราะบางคนชอบโจร บางคนชอบคนโกง
เราจึงมีส.ส.โจร ส.ส.ขี้โกง ในสภา
ชอบคนหล่อ คนสวย ก็ได้คนหล่อคนสวยเข้าไปในสภา แต่ไม่เคยอภิปรายในสภา ทำหน้าที่นิติบัญญัติได้ครบถ้วนเลย
การเลือกตั้งจะผลิดอกออกผลก็ต่อเมื่อประชาชนเลือกนักการเมืองที่มีความรู้ความสามรถ เป็นคนมีจริยธรรม เข้าสภา
เป็นหน้าที่ที่พรรคการเมืองต้องเฟ้นหาคนเหล่านี้มาให้ประชาชนเลือก
ไม่ใช่แอะอะ จะสร้างครอบครัวในพรรคการเมือง จนไม่รู้ว่าใครใหญ่กว่ากัน ระหว่างหัวหน้าพรรค กับหัวหน้าครอบครัว
บางคนเหนียมอายไม่อยากเปิดตัว ไม่อยากเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ไม่อยากเป็นนักการเมือง ทั้งๆที่ทำงานการเมืองอยู่ ประชาชนก็งงเป็นไก่ตาแตก มันบรรทัดฐานไหนกันแน่
ครับ…การเมืองไทยสร้างความสับสนได้หมด ถ้ามองไม่ออกตามไม่ทัน ก็ตกเป็นเหยื่ออันโอชะของนักการเมืองไป
ฉะนั้นระบบเลือกตั้งจะเป็นแบบไหนไม่สำคัญ ขอแค่ให้เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่
ไม่ขัดความรู้สึก
การกลัวว่าพรรคโน้นจะได้ส.ส.เยอะกว่า ฉะนั้นต้องออกกฎหมายสะกัด สุดท้ายก็นำปัญหากลับมาให้แก้กันอยู่ดี เพราะกติกามันไม่เป็นสากล
ประชาชนก็สำคัญมาก หากยังเห็นขี้มูกเป็นเต้าส่วน ก็กินเค็มตลาดชาติ
ไม่มีทางได้ลิ้มลองของหวาน
ประชาธิปไตย หากปรุงให้ดีมันหวานครับ อร่อยน่ารับประทาน
แต่ทุกวันนี้ ประชาธิปไตย เป็นแค่ตัวประกัน
โจรก็อ้างเป็นฝ่ายประชาธิปไตยได้
เห็นกันจะจะว่าในพรรคปกครองกันแบบบริษัท มีประธาน ลูกสาวประธานเที่ยวชี้นิ้วสั่ง ก็บอกว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
อ้างประชาธิปไตยจนปากมันแผลบ
แต่…ยากครับจะไปแก้ไขอะไรได้ นอกจากนั่งบ่นให้นักการเมืองรำคาญ
ประชาชนกินเค็มยังบอกหวาน แล้วจะได้กินของหวานยังไง
นึกภาพไม่ออกจริงๆ.
The post ประชาธิปไตยเก๊ appeared first on .
Labels: news, World eNews Online, worldnews