Friday, September 10, 2021

3ป.ปิดห้องคุย “ลุงป้อม” ว้ากใส “ลุงตู่” ปมลับก่อนดีด “ธรรมนัส-นฤมล” พ้นตำแหน่ง รมช. **เมื่อ “บิ๊กตู่” กระชับอำนาจ โอกาสแก้รธน.ไปใช้บัตรเลือกตั้ง2 ใบ ส่อแท้ง


.

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**3ป.ปิดห้องคุย “ลุงป้อม” ว้ากใส “ลุงตู่” ปมลับก่อนดีด “ธรรมนัส-นฤมล” พ้นตำแหน่ง รมช.

กรณี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ที่พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และรัฐมนตรีช่วยแรงงาน ก่อให้เกิดคำถามตามมามากมาย

แน่นอนว่า จุดเริ่มต้นมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่มีกระแสข่าว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะถูก”ด้อยค่า” ด้วยการโหวตคว่ำในสภาฯ โดยมีคนชี้เป้าว่า “ผู้กองธรรมนัส” เป็นตัวทำเกม กระทั่งกลายเป็นเรื่องกินแหนงแคลงใจกันระหว่าง นายกฯกับลูกพรรค “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

เมื่อเสร็จศึกซักฟอก เหตุการณ์กระแสความขัดแย้งก็ดูเหมือนจะคลี่คลาย จากการที่พี่ใหญ่ ลุงป้อม จัดให้! พาผู้กองน้องรัก พบพล.อ.ประยุทธ์ ขอโทษขอขมา กันโดยดี

ต่อจากนั้นก็ มีภาพการไหว้ จับไม้จับมือทักทายกัน ระหว่าง นายกฯ-ผู้กอง และ “ลุงป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ใน ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ทว่า หน้าฉากอย่างหนึ่ง แต่หลังฉากว่ากันว่า เหมือนหนังคนละเรื่อง !

หลังประชุมครม.มีรายงานว่า “พี่น้อง 3 ป.” ลุงป้อม-ลุงตู่ และลุงป๊อก ได้ปิดห้องคุยกันอย่างลับๆโดยใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 20 นาที

บรรยากาศสีหน้าอาการของแต่ละคนเป็นอย่างไร ตลอด 20 นาที ที่พี่น้อง3ป.คุยกันนั้น คงมีแต่ “ตุ๊กแก” ที่เกาะฝ้าเพดานห้องเท่านั้นที่จะรู้ได้ … แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เล่นเอาตุ๊กแกตัวโตเกือบจะร่วงหล่น เพราะ ต๊กกะใจที่จู่ๆ “ลุงป้อม” ว๊ากใส่ “ลุงตู่” ด้วยเสียงดังลั่น อย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน อารามต๊กกะใจตุ๊กแกตัวนั้นจำไม่ได้ ลุงป้อมหัวร้อน ต่อว่าลุงตู่ ว่าอย่างไร… จำได้เพียงเมื่อลุงป้อมได้ยินคำว่า “ปลด”ก็ของขึ้นทันที

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
หลังจากนั้นทั้ง “3ป.” ก็แยกย้าย ทางใครทางมัน ท่าทีของแต่ละฝ่ายดูไม่เอ็นจอย อึมครึมพิกล!! คณะของ “ลุงป้อม” ลงมาก่อนโดยมีรัฐมนตรีในคาถามายืนรอส่งขึ้นรถ จากนั้น “ลุงตู่” ตามมา เดินผ่านคณะลุงป้อม โดยไม่หยุดทักทายพี่ใหญ่ หรือรอประคองเหมือนเคย สร้างความงุนงงสงสัยให้ คณะลุงป้อม และ รัฐมนตรีที่ยืนรอส่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “นฤมล” ที่หันรีหันขวาง ว่าเกิดอะไรขึ้น ?

…และแล้วเกิดอะไรขึ้น ก็มีคำตอบตามมาในอีกไม่กี่ชั่วโมง เพราะ มีรายงานว่า “ลุงตู่” ที่รีบร้อนจากไป ไม่ทักไม่ทายพี่ใหญ่ เพราะเตรียมตัวไป “ว 5” สถานที่สำคัญ

ตัดภาพมา… วันหลังจากครม.วันอังคาร มาถึงวันพุธ (8ก.ย.) เหตุการณ์ก็ปกติ ไม่มีระแคะระคาย จนกระทั่งมาถึงบ่ายของเมื่อวาน (9ก.ย.) จังหวะที่ “ผู้กองธรรมนัส” ประชุมพรรคเสร็จ ก็เรียกนักข่าวมาแถลงข่าวด่วน ที่รัฐสภา ถึงการขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ท่ามกลางความสงสัยของนักข่าว และข่าวกำลังแพร่สะพัดออกไป จังหวะใกล้เคียงกันนั้นก็มี ราชกิจจาฯประกาศให้ รัฐมนตรี ธรรมนัส และนฤมล พ้นจากตำแหน่ง โดยระบุ พล.อ.ประยุทธ์ กราบบังคมทูลว่า “สมควรให้รัฐมนตรีบางคนพ้นจากตำแหน่งเพื่อความเหมาะสม และบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ” ประกาศ ลงวันที่ 8 ก.ย.64 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นั่นจึงเป็นที่มาของข้อถกเถียงกันว่า “ลาออก” หรือ “ถูกปลด” ซึ่งมีความหมายที่แตกต่างกัน จน”วิษณุ เครืองาม” ต้องออกมาแปลความ คอนเฟิร์มว่า “ปลด” 2รมช.พ้นตำแหน่ง

บ้างก็ว่า การปลดงานนี้ ร.อ.ธรรมนัส “สู้แพ้” จึงต้องเจอบทเรียน ส่วน “นฤมล” เจอหางเลขด้วยนั้น เพราะความสนิทสนมกับร.อ.ธรรมนัส ในฐานะ “คู่หู” จึงต้องไปเป็นแพคคู่

ขณะที่ “ลุงตู่” ปัดว่า สั่งปลด บอกแค่ “เขาลาออกเอง-ยังไงเขาก็ไม่อยู่แล้ว จะมายังไง จะไปยังไง ผมไม่ตอบ”

ถ้าดูจากเนื้อความของถ้อยแถลง “ลาออก” จากตำแหน่งของ ร.อ.ธรรมนัส คงจับใจความระหว่างบรรทัดกันได้ดี ว่า เขารู้สึกอย่างไร…

“ร.อ.ธรรมนัส” ว่า เป็นเรื่องที่ไม่สบายใจ และนอนคิดมาหลายเดือนแล้ว ต้องการทำงานอื่นที่เข้มแข็ง เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองจริงๆ ไม่ใช่มารองรับ หรือทำอะไรเพื่อคนบางกลุ่ม วันนี้ตัดสินใจแล้วว่า จะเลือกเส้นทางการเดินของตัวเองใหม่ ที่ผ่านมาจะลาออก แต่ “พล.อ.ประวิตร” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ห้ามไว้ ซึ่งก็เชื่อ

นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ – ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
เหตุที่ลาออก ไม่ชอบบรรยากาศบ้านเมืองที่มีความแตกแยก และมองไม่เห็นอนาคต ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ส่วนการบรรยากาศในคณะรัฐมนตรีนั้น ร้ายยิ่งกว่า แต่ไม่ขอพูดรายละเอียด

เมื่อถามว่า แบบนี้การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคพปชร. จะไม่แตกเลยหรือ “ร.อ.ธรรมนัส” บอกว่า ก็ไม่แน่ เพราะ ใจไปแล้ว

พูดแล้วนักเลงพอ ทำอะไรแล้วต้องรับผิดชอบ อยู่ที่ไหนก็ได้ขอให้ใจมันอยู่ ถ้าใจมันไม่อยู่ ใครจะมาบังคับก็ไม่ได้

งานนี้ “ลุงตู่” โชว์พาว เช็กบิล “ธรรมนัส-นฤมล” เกมตัดจบ ตอกย้ำเป็นคนคุมอำนาจ “ซิงเกิลคอมมานด์” แต่เพียงผู้เดียว หรือยิ่งเพิ่มรอยร้าว กับ “ลุงป้อม” ให้ร้าวลึกลงไปกว่าเดิม เพราะก็รู้ๆ กันที่พปชร. ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล เป็นมือทำงานให้ลุงป้อม เป็นน้องรักที่สั่งได้ดั่งใจ…

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามอย่ากระพริบตา

**เมื่อ “บิ๊กตู่” กระชับอำนาจ โอกาสแก้รธน.ไปใช้บัตรเลือกตั้ง2 ใบ ส่อแท้ง

การโหวตวาระ 3 ที่จะตัดสินว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับกติกา การเลือกตั้ง ที่จะเปลี่ยนให้มีส.ส.เขต 400คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ สำเร็จหรือไม่ จะรู้ผลกันในวันนี้ (10ก.ย.)

คีย์ของการแก้รธน.ครั้งนี้ อยู่ที่การกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คล้าย รธน.40 ซึ่งมองกันว่า พรรคใหญ่จะได้เปรียบ ขณะเดียวกันก็เป็นการตัดโอกาสพรรคเล็ก พรรคเกิดใหม่ พรรคทางเลือก และไม่เป็นผลดีกับพรรคขนาดกลาง

พล.อ.นพดล อินทปัญญา
ดังนั้น พรรคการเมืองที่สนับสนุนให้แก้ไข ก็จะมีพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา และที่คัดค้านก็มี พรรคก้าวไกล ภูมิใจไทย และบรรดาพรรคเล็ก

เงื่อนไขการโหวตวาระ 3 จะผ่านได้ต่อเมื่อ ได้คะแนนเสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภา “มากกว่ากึ่งหนึ่ง” พร้อมเงื่อนไข ต้องได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ฝ่ายค้าน 20% และ มีส.ว.เห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของ ส.ว.ที่มีอยู่ หรือ 84เสียง

เรื่องคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสองสภา ไม่น่าจะมีปัญหา… เช่นเดียวกับเสียงสนับสนุนจากส.ส.ฝ่ายค้าน20% ก็ไม่มีปัญหา เพราะพรรคเพื่อไทย เอาด้วย…

ปัญหาอยู่ที่เสียง ส.ว.ที่ให้ความเห็นชอบจะถึง 84คนหรือไม่

ก่อนหน้านี้ก็เชื่อกันว่า จะผ่านฉลุย เพราะทั้ง “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งบรรดา “นักเลือกตั้ง” ต่างรวมผลักดันแนวทางนี้… หวังว่าพรรคจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในการเลือกตั้งครั้งหน้า เป็น “สถาบันทางการเมือง” ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ซึ่ง“บิ๊กป้อม” ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ดังนั้นเสียงส.ว.ที่จะมา สนับสนุน84 เสียง จึงไม่น่ามีปัญหา

แต่แล้วในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา กลับมีปัญหาเรื่องส.ส.จ้อง “แทงข้างหลัง” กะโหวตคว่ำนายกฯ…เพราะมองว่า 7ปีที่ผ่านมา สภาพของ “บิ๊กตู่” นั้นช้ำมากแล้ว ประชาชนเริ่มเบื่อ คงนำมาเป็นจุดขายในการเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่ได้ จึงเตรียม “ปิดฉาก” ในศึกซักฟอกครั้งนี้

คำนูณ สิทธิสมาน - วันชัย สอนสิริ
เรื่องนี้“บิ๊กตู่” โกรธมาก … เมื่อสะสางปัญหาผ่านวิกฤตนั้นมาได้ ก็รีบกระชับอำนาจ ปลด “ผู้กองธรรมนัส” และ “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นเก้าอี้รัฐมนตรี … สถานการณ์การโหวตแก้ไข รธน. เลยมีแนวโน้มเปลี่ยนตามไปด้วย…

ว่ากันว่า “บิ๊กตู่” ต้องการคงการเลือกตั้งแบบเดิมเอาไว้ ดีกว่าปล่อยให้อำนาจต่อรองไปอยู่กับนักการเมือง … มีการปลุก“ผีทักษิณ”ขึ้นมาหลอกหลอนอีกครั้ง ว่าหากใช้บัตรเลือกตั้ง 2ใบ ก็เข้าทางพรรคเพื่อไทย แล้ว “ทักษิณ” ก็จะกลับมาอย่างเท่ๆ

เสียงส.ว.ที่จะเป็นตัวชี้ขาดจึงแบ่งเป็น 2 สายคือ “สายบิ๊กป้อม” เตรียมโหวตหนุน ขณะที่“สายบิ๊กตู่” โหวตคว่ำ

หากเช็กขุมกำลังกันแล้ว สายบิ๊กป้อม ก็จะมี “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา เพื่อนเตรียมทหารร่วมรุ่นของบิ๊กป้อม เป็นแกนหลัก ว่ากันว่ามีส.ว.ในสายนี้ประมาณ30-40 เสียง

ขณะที่ส.ว.สายลุงตู่ จะมีอดีตรัฐมนตรียุครัฐบาลคสช. และ ผบ.เหล่าทัพ ปัจจุบันเป็นแกนหลัก จำนวนเสียงจึงน่าจะเหลื่อมกันอยู่

ขณะเดียวกัน เสียงโหวต “คว่ำ” ร่างรธน. จากส.ว.นอกสาย ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่นจาก “ ส.ว.วันชัย สอนศิริ -ส.ว.คำนูณ สิทธิสมาน” ที่ประกาศว่าไม่เอาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งส.ว.ในกลุ่มนี้ที่น่าจะมีแนวคิดไปในทางเดียวกันก็จะเป็นอดีตกลุ่ม40ส.ว. อาทิ สมชาย แสวงการ – เสรี สุวรรณภานนท์ เป็นต้น

หากส.ว.ส่วนใหญ่ แค่ “งดออกเสียง” จนทำให้เสียงโหวต “เห็นชอบ” ไม่ถึง 84 เสียง ร่าง แก้ไข รธน.ฉบับนี้ก็เป็นอันตกไป …

ต้องจับตาว่า “บิ๊กตู่” จะยังกระชับอำนาจ ส.ว.ที่ตั้งมากับมือได้หรือไม่

AWeber Free: Email marketing for free. No credit card required.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/3lbP6qp
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home