จับตาโหวตวาระ3แก้รธน. เมื่อส.ว.สายลุงป้อม ให้ผ่าน แต่สายลุงตู่ สั่งคว่ำ !! **”ลุงป๊อก”งานเข้า ?ป.ป.ช. จัดชุดใหญ่ไต่สวนกรณีประเคนที่ดินป่าชุมชนให้ บ.เครือกระทิงแดง ขยายโรงงาน
.
ข่าวปนคน คนปนข่าว
**จับตาโหวตวาระ3แก้รธน. เมื่อส.ว.สายลุงป้อม ให้ผ่าน แต่สายลุงตู่ สั่งคว่ำ !!
วันที่ 10 ก.ย.นี้ ก็จะรู้แล้วว่า การ“เปิดซิง” แก้ รธน.60 จะสำเร็จหรือไม่
เป็นการแก้รธน.ในประเด็นที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง… คือจากเดิม มีส.ส.เขต 350คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150คน ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว… เปลี่ยนเป็นส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ใช้บัตรเลือกตั้ง 2ใบ
นักเลือกตั้งมองตรงกันว่า กติกาใหม่นี้ พรรคขนาดใหญ่จะได้เปรียบ ส่วนพรรคเล็ก ส.ส.ปัดเศษ จะสูญพันธุ์ รวมทั้งเป็นผลลบมากกว่าผลบวก สำหรับพรรคขนาดกลาง
ชัดเจนว่าพรรคการเมืองที่สนับสนุนการแก้รธน.ครั้งนื้ ก็มี พรรคพลังประชารัฐ เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา … ขณะที่พรรคก้าวไกล ภูมิใจไทย และพรรคเล็กพรรคน้อย ไม่เห็นด้วย
ที่ผ่านมามีการพิจารณาจนผ่านวาระ2 มาแล้ว และจะโหวตวาระ3 ในวันนี้ 10 ก.ย.นี้ ซึ่งการที่ร่างแก้ไขจะผ่านได้ ต้องได้คะแนนเสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภา “มากกว่ากึ่งหนึ่ง” ของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสองสภา หรือ 367เสียง แต่มีเงื่อนไขสำคัญเพิ่มมาอีก คือต้องได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ฝ่ายค้าน 20% หรือ 43 เสียง และมี ส.ว. เห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของส.ว.ที่มีอยู่หรือ 84เสียง
เรื่องคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสองสภา ไม่น่าจะมีปัญหา เช่นเดียวกับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ฝ่ายค้าน20% ก็ไม่มีปัญหา เพราะพรรคเพื่อไทย เอาด้วย…
ปัญหาอยู่ที่เสียง ส.ว.ที่ให้ความเห็นชอบจะถึง 84คนหรือไม่ … ถ้าไม่ถึงการโหวตวาระ 3 ก็เป็นอันตกไป !!
ก่อนหน้านี้ก็เชื่อกันว่าการแก้ไข รธน.ครั้งนี้คงผ่านฉลุย เพราะเหมือนว่าฝั่งรัฐบาลเป็นเจ้าภาพเอง เป็นร่างที่เสนอโดย พรรคประชาธิปัตย์ แล้ว “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน กมธ. แก้รัฐธรรมนูญเข้ามาร่วมผลักดันเต็มที่ ขณะที่รัฐบาลก็จะได้ทำตามนโยบายเร่งด่วนที่แถลงต่อสภา ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เชื่อว่านายกรัฐมนตรีต้องเปิดไฟเขียว
แต่ยิ่งใกล้วันโหวต กระแสชักไม่แน่ว่าจะผ่านฉลุย …เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ “วันชัย สอนศิริ” ส.ว. ออกมาพูดในทำนองว่า หลังจากที่โหวตวาระ 2 ผ่านไปแล้ว ส.ว.ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันตลอด ว่าการแก้ไขรธน.ครั้งนี้ เป็นเรื่องของพรรคการเมือง และนักการเมืองล้วนๆ ไม่ได้เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง
อีกทั้งเห็นว่า เป็นการแก้แบบย้อนรอย ถอยหลัง ไม่ได้แก้ไขเพื่อเดินหน้า และมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่า อาจจะไม่รับร่างครั้งนี้ก็ได้ … จากคำพูดของ “ส.ว.วันชัย” ทำเอาสื่อยังจับไปพาดหัว ส.ว.ส่อคว่ำรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ก็ยังมั่นใจว่าจะผ่านได้ โดยบอกว่าจากการทำงานในชั้น กมธ.ด้วยกัน ส.ว.ที่เป็นหลักๆ ก็ยังเห็นด้วย และในฐานะที่ตนเองเป็นรองประธานวิปรัฐบาล ก็ได้รับการประสานจาก ส.ว. ระดับแกนนำ ที่ยังยืนยันให้ความร่วมมือเห็นชอบ วาระ 3 ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่ผันผวน เชื่อว่าจะได้รับความเห็นชอบอย่างแน่นอน
แต่บางกระแสก็ว่า ขึ้นอยู่กับ รัฐบาล “3ป” ที่เป็นคนตั้ง ส.ว.มากับมือ ว่าจะเอาอย่างไร ผ่าน หรือไม่ผ่าน
ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า ในส.ว.นั้นแบ่งเป็น 2 สายหลักๆ จริง คือ “สายบิ๊กป้อม” กับ “สายบิ๊กตู่” ที่มีความเห็นต่างกันโดย “สายบิ๊กป้อม” ต้องการให้ผ่าน เพื่อผลการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่พรรคพลังประชารัฐ จะได้มีโอกาสเติบโตกว่านี้
ขณะที่ “สายบิ๊กตู่” ไม่ให้ผ่าน เพราะต้องการคงสภาพการเมืองอย่างนี้ เลือกตั้งตามกติกาเดิม หากปล่อยให้ครั้งนี้แก้สำเร็จ ก็จะมีการแก้ครั้งต่อไป และถึงแม้จะแก้ไม่สำเร็จรัฐบาลก็ไม่เสียหายอะไร เพราะถือว่าได้ทำตามนโยบายเร่งด่วนที่แถลงต่อสภาแล้ว คือยื่นแก้รธน. และสภาก็รับหลักการไปแล้ว ส่วนจะผ่าน หรือไม่ผ่านก็เป็นเรื่องของสภา
ผลโหวต10ก.ย.นื้ จะเป็นบทพิสูจน์ว่า มีส.ว.สองสายจริงหรือไม่ …สายไหนมีพลังมากกว่ากัน
**”ลุงป๊อก”งานเข้า ?ป.ป.ช. จัดชุดใหญ่ไต่สวนกรณีประเคนที่ดินป่าชุมชนให้ บ.เครือกระทิงแดง ขยายโรงงาน
กรณี “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงนามในคำสั่งอนุมัติให้ บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในเครือ”กระทิงแดง” ใช้ที่ดินสาธารณะ ที่ขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชนเพื่อขยายเขตโรงงาน ที่เคยเป็นข่าวครึกโครมเมื่อหลายปีก่อน
ผ่านมาถึงวันนี้ มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ คดีที่ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับพวก 6 ราย ลงนามในคำสั่งอนุมัติให้ บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัทในเครือกระทิงแดง ใช้ที่ดินสาธารณะที่ขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชน เพื่อขยายเขตโรงงานโดยมีกรรมการป.ป.ช. 3 ราย เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดี คือ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ นายณรงค์ รัฐอมฤต และพล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์
ฟังว่า การไต่สวนมีประเด็นสำคัญอยู่ที่ กรณีไม่มีการทำพิจารณ์ประชาชน แต่กลับปรากฏในรายงานต่อกระทรวงมหาดไทยว่า มีการทำประชาพิจารณ์แล้ว
อย่างไรก็ดี คดียังอยู่ในชั้นการไต่สวนเท่านั้น ป.ป.ช.ยังไม่ได้มีการชี้มูลความผิดพล.อ.อนุพงษ์ และพวก เป็นทางการแต่อย่างใด
ย้อนความจำในเรื่องนี้ เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ระบุว่า เมื่อ 1 มิถุนายน 2559 ว่า “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย ได้ลงนามอนุมัติให้ บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (กระทิงแดง) ใช้ “ที่สาธารณะห้วยแม็ก” เนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ 2 งาน เป็นที่กักเก็บน้ำสำหรับโรงงานน้ำดื่มและเครื่องดื่ม ตามหนังสือของมหาดไทย ที่ มท 0208.4/886 ของสำนักกฎหมาย สป.
ทั้งนี้ ระเบียบมหาดไทยฉบับเดียวกัน ข้อ 23 (3) กำหนดว่า ในแต่ละจังหวัดจะอนุญาตให้ได้ต้องไม่เกิน 10 ไร่ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร ซึ่งเหตุอันสมควรที่อนุมัติที่ดิน 31 ไร่ ให้เอกชนในครั้งนี้คือป่าชุมชนอยู่กึ่งกลางในเขตพื้นที่โรงงาน และบริษัทมีความจำเป็นในการขยายโรงงาน
ที่สาธารณะห้วยแม็กอยู่ในเขตบ้านหนองแต้ หมู่ 6 ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น คณะกรรมการชุมชนได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะประโชยชน์มาตั้งแต่ปี 2526 ตาม นสล. เลขที่ ขก 2321 และได้มีการอนุรักษ์เป็นป่าชุมชน กำหนดกติกาการใช้ประโยชน์ร่วมกัน
บริษัทได้เข้าไปซื้อที่ดินบริเวณโดยรอบป่าชุมชุนตั้งแต่ช่วงปี 2555 และขอใช้ที่ดินเพื่อขยายโรงงานช่วงปี 2558 ซึ่งเรื่องคาราคาซังเรื่อยมา โดยถูกคัดค้านจากสภาองค์กรชุมชนตำบลบ้านดง มาตลอด ก่อนที่ มท.1 จะอนุมัติให้ใช้ “ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน” แปลงดังกล่าวเพื่อกิจการของเอกชน
งานนี้จะงานเข้า “ลุงป๊อก” หรือ แค่ฟอกขาวให้เรื่องราวจบไปด้วยดี ไม่มีมลทินใดๆ ก็ต้องติดตามกันต่อไป
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/3hh8vW1
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home