“ลุงตู่”ลงพื้นที่สุโขทัย เจอดรามาว่าไปแนะชาวบ้านให้สวดมนต์ไล่น้ำ แถมยังรู้ภาษาวัว **ทำไปได้! เพจ “ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ.”โพสต์ภาพตัดต่อ “ครูโอ๊ะ”ลุยน้ำท่วม
ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ลุงตู่”ลงพื้นที่สุโขทัย เจอดรามาว่าไปแนะชาวบ้านให้สวดมนต์ไล่น้ำ น้ำท่วมก็สร้างบ้าน 2 ชั้น แถมยังรู้ภาษาวัว
ฤทธิ์พายุ “เตี้ยนหมู่” หอบเอาฝนมากระหน่ำ ทำเอาหลายจังหวัดทั้ง ภาคเหนือ อีสาน รวมทั้งภาคกลาง เจอวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องจัดคิวลงพื้นที่กันรัวๆ เพื่อไปตรวจสถานการณ์ ให้กำลังใจ หาแนวทางแก้ไข ช่วยเหลือ
แน่นอนว่า ในยามที่ชาวบ้านเดือดร้อน ทุกข์แสนสาหัส หากนายกฯลงมาให้เห็นหน้าเห็นตา มาดูแล สั่งการ กำชับข้าราชการในพื้นที่ในการให้ความช่วยเหลือ ประชาชนก็ซาบซึ้งใจ เหมือนไม่ถูกทอดทิ้ง เพราะในยามนี้กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
แต่ในทางการเมืองโดยเฉพาะจากฝ่ายตรงข้ามแล้ว ก็ต้องจ้องจับผิด หาประเด็นมาดิสเครดิต เพราะการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนเช่นนี้ ก็ไม่ต่างจากการไปเก็บแต้ม สร้างคะแนนนิยม เพราะเรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง อยู่คู่ประเทศไทยมานมนาน ทุกรัฐบาลเจอมาแล้วทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรู้วิธีหาประโยชน์ จากเรื่องนี้ได้จัดเจนกว่ากัน
ดังนั้นเมื่อ “ลุงตู่” ลงพื้นที่สุโขทัย จึงมีประเด็นดรามา สร้างกระแสโจมตี…หาว่าเป็นการไปสร้างภาระให้กับหน่วยงานในพื้นที่ ข้าราชการทุกหน่วยงาน ต้องทิ้งภารกิจหน้าที่ แทนที่จะเอาเวลาไปช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อน กลับต้องมารอต้อนรับนายกฯ… เช่นเดียวกับ ส.ส.จังหวัดใกล้เคียงที่เกณฑ์กันมาต้อนรับเพื่อแสดงพลัง เสริมบารมี ทั้งที่ประชาชนในจังหวัดของตัวเองก็กำลังเดือดร้อน ถูกน้ำท่วมอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ไปดูแล
ยิ่งเรื่องที่ “ลุงตู่” ไปแจกถุงยังชีพ พบปะประชาชน ได้สัมผัสถึงสภาพจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ที่หดหู่ ท้อแท้ จึงพยายามพูดปลอบใจ ให้กำลังใจ ตามสไตล์ของลุงตู่เวลาพูดคุยกับชาวบ้านประมาณว่า… ปีที่แล้วพายุมา 5 ลูกยังไม่หนักเท่านี้ ปีนี้เข้ามาลูกเดียว สวดมนต์ว่าอย่ามาอีกเลย มาลูกเดียวพอแล้ว … เราอาจจำเป็นต้องคิดใหม่ ว่าเราจะอยู่อย่างไรต่อไปในวันหน้า บ้านจะปลูกอย่างไร จะขยับเป็น 2 ชั้น หรือไม่ หรือขยับไปพื้นที่ที่สูงขึ้น…
คำพูดที่ “ลุงตู่” พูดออกไปในบริบทเช่นนั้น อาจจะเพื่อปลอบใจ หรือเอาตัวเองเข้าไปร่วมแชร์ความทุกข์ด้วย เพราะเรื่องฝน ฟ้า เป็นเรื่องของธรรมชาติที่เหนือการควบคุมของมนุษย์ ก็คงได้แต่สวดมนต์ ให้สิ่งเหนือธรรมชาติช่วยปกป้อง เพื่อคลายความทุกข์ หรือให้พร้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เรื่อง “สวดมนต์” กลายเป็นดรามา ที่ฝ่ายตรงข้ามตามมาไล่งับ แล้วไปบิดว่า นายกฯลงพื้นที่ไม่ได้ไปดูแล บริหารจัดการอะไร แต่ไปบอกประชาชนให้สวดมนต์ไล่น้ำ… บ้างก็ว่า พูดอย่างนี้ ยิ่งทำให้จิตใจประชาชนหดหู่หนักกว่าเดิม …ไม่คิดว่าเราจะมีผู้นำที่ไร้สติปัญญาได้ขนาดนี้…เวรกรรมอะไรของคนไทย ที่ต้องมาเจอนายกฯแบบนี้ … พูดมาได้ว่าไม่อยากเจอพายุก็สวดมนต์ น้ำท่วมก็สร้างบ้าน 2 ชั้น หรือย้ายบ้านหนี …
ยังมีอีกเรื่องที่ถูกหยิบเป็นประเด็นดรามา ก็คือช่วงที่ “ลุงตู่” ไปเยี่ยมชมโครงการ “โคบาลประชารัฐ” ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เจ้าถิ่นสุโขทัย ที่ได้ริเริ่มไว้ ปรากฏว่าระหว่างนั้นก็มีวัวตัวหนึ่ง ร้องทักทาย “ลุงตู่” เป็นระยะๆ ทำให้ลุงตู่ ถึงกับแสดงความเอ็นดู ขยับหน้ากากอนามัยเปิดปากพูดกับวัวตัวนั้น ว่า.. “รู้แล้ว เขาบอกแล้ว เห็นด้วยไหม” พร้อมกับเอามือไปลูบหัวอย่างอารมณ์ดี เลยกลายเป็นเรื่องเป็นราว ว่า นายกฯ เริ่มสติหลุด ถึงกับไปพุดคุยกับสัตว์ … มีแต่วัวที่คุยกับนายกฯรู้เรื่อง…
คนที่ทนไม่ได้กับการนำเรื่องนี้มาเยาะเย้ยนายกฯ คือ “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ ถึงกับโพสต์เฟซบุ๊ก ตอบโต้ไปว่า … พวกที่ออกมา เสียดสี ต่อว่านายกฯ คุยเล่นกับวัว คือ พวกสันดาน หรือ…นิสัยที่ได้มาแต่กำเนิด แก้ไขไม่ได้ สันดานชอบแกว่งปากหาเรื่องนายกฯ ไปวันๆ
…ความจริงเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่ ก็จะคุยกับสัตว์เลี้ยงตัวเอง บางคนยังตั้งชื่อให้ด้วยซ้ำ อย่างวัวที่บ้านปารีณา ก็มีชื่อ สมชัย ณัฐวุฒิ ล้วนแล้วแต่เป็นวัวสันดานเสียค่ะ #สันดานหาเรื่องนายก
นำท่วมระลอกนี้ “ลุงตู่” ยังมีคิวลงพื้นที่อีกหลายจังหวัด ผู้ที่ชื่นชอบสีสันการเมือง ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าลุงจะปล่อยทีเด็ดอะไร และฝ่ายตรงข้ามจะหยิบจับเรื่องใดมาดรามาอีก
**ทำไปได้! เพจ “ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ.”โพสต์ภาพตัดต่อ “ครูโอ๊ะ” ลุยน้ำท่วม งานนี้ผิดเห็นๆ ระวังเข้าคุกเพราะพ.ร.บ.คอมพ์
ไม่รู้ใช้อะไรคิด เมื่อวาน (27ก.ย.) แอดมินเพจ “ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ.” ได้โพสต์ข้อความถึงการแสดงความห่วงใยของ “ครูโอ๊ะ” กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ที่มีต่อโรงเรียนเอกชน ในสถานการณ์น้ำท่วม หลังพายุโซนร้อนพัดเข้ามาทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง น้ำไหลบ่าน้ำเข้าท่วมในสถานศึกษาจำนวน 30 แห่งในหลายจังหวัด ในพื้นที่ภาคกลางตอนบน ภาคกลาง และภาคอีสาน
ในโพสต์ที่ว่านี้ก็บรรยายดิบดีว่า “ครูโอ๊ะ” ได้ติดตามข่าวสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ รวมทั้งสถานการณ์ของโรงเรียน และสถานศึกษาที่กำกับดูแล “ครูโอ๊ะ”มีความห่วงใยชาวการศึกษาเอกชนทุกคน โดยเฉพาะลูกๆนักเรียน ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้ดำเนินงานต่างๆ ด้วยความปลอดภัยเป็นหลัก ทั้งในส่วนของครู นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนบุคลากรทุกคน พร้อมให้ติดตามข่าวสถานการณ์ของทางราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวัง และประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือโดยเร็ว ตลอดจนเร่งสำรวจและรายงานความเสียหาย เพื่อวางแผนในการช่วยเหลือและเยียวยาปัญหาหลังน้ำลดต่อไป
ก็เป็นอันว่า “ครูโอ๊ะ” ควรจะได้ซีน ในฐานะ รมช.ศึกษาธิการ ที่มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อโรงเรียนเอกชนที่ถูกน้ำท่วมไป แต่ปัญหามันอยู่ตรงภาพประกอบนี่สิ เป็นภาพ “ครูโอ๊ะ” ใส่เสื้อยึดคอโปโล กางเกงขายาวสีดำ ผ้าขาวม้าคาดเอว กำลังลุยน้ำท่วมประมาณหัวเข่า ดูผ่านๆก็เหมือนกับว่า ท่าน รมช.ศึกษาฯ กำลังลุยน้ำท่วมไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนเอกชนที่ถูกน้ำท่วมนั่นแหละ แต่พอสังเกตดีๆ ก็โป๊ะแตก กลายเป็นภาพตัดต่อเสียนี่
ชาวเน็ตก็เลยเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ จนในที่สุดแอดมินฯ ต้องลบภาพนั้นออก แล้วเอาภาพต้นฉบับ ตอนรัฐมนตรี “ครูโอ๊ะ” ลุยน้ำท่วมจริงๆ เมื่อปี 2563 มาโพสต์แทน พร้อมบรรยายว่า เป็น “แฟ้มภาพ ปี 2563” แต่ชาวเน็ตก็ยังไม่วายเข้ามาแซว เข้ามากระแนะกระแหนเหน็บแนมอยู่ดี จนในที่สุดก็ต้องลบภาพนี้ออกไปอีก
จนถึงช่วงเย็นเมื่อวาน เฟซบุ๊กแฟนเพจ “ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ.” ก็ได้โพสต์คำชี้แจงออกมาว่า… จากกรณีที่เฟซบุ๊ก “เพจข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ.” ได้มีการโพสต์ข่าว ครูโอ๊ะ ห่วง “โรงเรียนเอกชน” หลังพายุโซนร้อนถล่ม ทำให้ฝนตกหนักน้ำไหล่บ่าเข้าท่วม ร.ร.กว่า 30 แห่ง ฝากช่วย ดูแลนักเรียน-นักศึกษา-ครู ยึดความปลอดภัยเป็นหลัก พร้อมเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ซึ่งในข่าวดังกล่าวได้มีการนำแฟ้มภาพปี 2563 ของ รมช.ศึกษาธิการ มาเผยแพร่ ทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย
…ในนามแอดมิน เพจข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ.ขอชี้แจงว่า การโพสต์แฟ้มภาพดังกล่าว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของ รมช.ศึกษาธิการ เนื่องจากเพจดังกล่าวเป็นของ สำนักงานรัฐมนตรี ศธ. ซึ่งเมื่อ รมช.ศึกษาธิการ ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ไม่ใด้นิ่งนอนใจ ได้ประสานเข้ามายังแอดมินเพจทันที ทางเพจเฟซบุ๊กข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ. ต้องขออภัยในเรื่องที่เกิดขึ้น และจะน้อมรับทุกข้อเสนอแนะ เพื่อนำมาปรับปรุงการดำเนินงานของเพจต่อไป ขอขอบคุณทุกความปรารถนาดีของทุกฝ่าย…
แต่ก็ดูเหมือนว่า หลังจากมีคำชี้แจงนี้ออกมา ชาวเน็ตส่วนหนึ่งก็ยังเข้ามาตามล้างตามเช็ดไม่หยุด ทำนองว่า แอดมินฯ ยังไม่ได้สำนึกผิดแม้แต่สักคำเดียว ต่อการกระทำของตัวเองที่เอาภาพตัดต่อมาโพสต์ ซึ่งเท่ากับการสร้างผลงานปลอม ในทางวิชาการถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายมาก หรือถ้าเป็นในวงการสื่อสารมวลชนก็ต้องบอกว่าผิดจริยธรรม หรือผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง
นี่ยังไม่พูดถึงข้อกฎหมาย การเอาภาพในอดีตมาตัดต่อใหม่แล้วโพสต์ประกอบข้อความที่พูดถึงสถานการณ์ปัจจุบัน มันอาจเข้าข่ายเป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้กระทำโดยจงใจหรือทุจริต และไม่ทำให้เกิดความเสียหาย ก็อาจจะยังพอแก้ต่างให้ตัวเองพ้นจากความผิดได้
ก็ถือว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญก็แล้วกัน ทีหน้าทีหลัง ก็คิดก่อนทำ อย่าดูถูกสติปัญญาประชาชนให้มากนัก งานนี้ไม่ได้มีผลเสียเฉพาะต่อแอดมินเพจ หรือคนทำภาพตัดต่อ แต่เสียไปถึงองค์กร และไปถึงตัวรัฐมนตรีด้วย
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/3icCNtc
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home