Wednesday, October 6, 2021

อัยการสูงสุดยุคใหม่จะเรียกศรัทธาสังคมคืนมาได้หรือไม่ ให้จับตาคดีคนดัง”คุณหญิงกอแก้ว”ให้ดีๆ ** สมใจ ปชป.เขาล่ะ ที่ใช้แม่ไม้ข่มขู่ จน“ลุงตู่” ยอมคาย4กรมให้ “จุรินทร์”



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**อัยการสูงสุดยุคใหม่จะเรียกศรัทธาสังคมคืนมาได้หรือไม่ ให้จับตาคดีคนดัง”คุณหญิงกอแก้ว”ให้ดีๆ

สำนักอัยการสูงสุดเพิ่งจะผลัดเปลี่ยนผู้นำจาก “วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์” อัยการสูงสุดคนก่อนที่มีอายุครบ 65 ปี พ้นวาระไป และที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) มีมติเอกฉันท์ เห็นชอบให้ “สิงห์ชัย ทนินซ้อน” รองอัยการสูงสุด ขึ้นดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดคนใหม่ ทำหน้าที่มาตั้งแต่ วันที่1ตุลาคม เป็นต้นมา

ในสมัยของ “วงศ์สกุล” เป็นอัยการสูงสุด ต้องยอมรับกันว่า องค์กรอัยการสูงสุดมีเรื่องอื้อฉาวเป็นเหตุให้สังคมเสื่อมศรัทธา จากกรณี “เนตร นาคสุข” รองอัยการสูงสุดขณะนั้น มีคำสั่ง ไม่ฟ้อง “วรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา” ทายาทกระทิงแดง ชนิดพลิกคดีกลับดำเป็นขาว จนนำไปสู่การตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมของอัยการ และตำรวจกันยกใหญ่

สิงห์ชัย ทนินซ้อน
นอกจาก “คดีบอส” ในยุคของ “วงศ์สกุล” ยังมีอีกหนึ่งคดีที่สังคมเพ่งสายตาจับจ้องเกาะติดการทำงานของอัยการสูงสุด นั่นก็คือ คดีที่ “เกษม ณรงค์เดช” ผู้ก่อตั้งบริษัท เคพีเอ็น ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ “คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา”และพวก ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารปลอม จากกรณีพิพาท คดีหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง จำกัด ที่เกิดขึ้นตั้งแต่พ.ศ. 2561 ซึ่งตรวจสอบพบว่า มีการปลอมลายเซ็นในสัญญาแต่งตั้งตัวแทนที่อ้างว่าได้ร่วมกันทำขึ้น ระหว่าง “เกษม” กับ “คุณหญิงกอแก้ว” และเกี่ยวกับการการซื้อขายหุ้น บริษัทวินด์เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นของปลอม

เกษม ณรงค์เดช
ถ้ายังจำกันได้ มีกระแสข่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.64 อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งเด็ดขาดฟ้อง “คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา” และพวก ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม อันสืบเนื่องมาจากการปลอมลายมือชื่อ (ลายเซ็น)ของ “เกษม ณรงค์เดช” ในเอกสารหลายฉบับ และได้นำเอกสารปลอมเหล่านี้ไปใช้ในการโอนหุ้น วินด์ เอนเนอร์ยี่ มาเป็นของตนเองและพวก

โดยคำสั่งฟ้องของอัยการสูงสุด สอดคล้องกับผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งหน่วยงานรัฐทั้งสองได้ชี้ชัดว่า เอกสารต่างๆที่มีลายเซ็นของ “เกษม” เป็นผู้โอนหุ้น และ “คุณหญิงกอแก้ว” เป็นผู้รับโอนหุ้น เพื่อใช้ประกอบในการโอนหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ ของคุณหญิงกอแก้วฯ ทั้งหมดนั้น เป็นการ “ปลอมลายมือชื่อ” ของเกษม ณรงค์เดช

คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา
ทว่า เวลาผ่านมา 4 เดือน นับจากมีข่าวว่าอัยการสูงสุดให้มีคำสั่งฟ้อง เป็นที่น่าสังเกตว่า ความคืบหน้าในคดีนี้จากอัยการสูงสุดกลับเงียบกริบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะส่งฟ้อง คล้ายๆ จะถูกเก็บไว้ในลิ้นชักตาม “วงศ์สกุล” ที่พ้นวาระไป

นี่คงเป็นภาระท้าทายของ “สิงห์ชัย ทนินซ้อน” ว่าจะทำอย่างไรกับคดีคนดังรายนี้ และแน่นอนว่า หากปล่อยให้เงียบหาย สังคมคงต้องฝากคำถามถามมายัง อัยการสูงสุดคนใหม่ จะยอมให้วิกฤตศรัทธาของสังคมต่ออัยการสูงสุดดำเนินไปเช่นเดิม หรืออย่างไร

ภาพจำในอดีตที่ทุกครั้ง เมื่อมีคนดัง คนมีชื่อเสียง และมีเงินมีทอง ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา อย่างเช่น “คดีบอส” จะมีขบวนการ”ล็อบบี้” “วิ่งเต้น” ช่วยเหลือกัน ตามหลอกตามหลอนสำนักอัยการสูงสุดไปไม่มีวันลบออกกระนั้นหรือ

วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์
อัยการสูงสุดที่ดีๆ ทำหน้าที่เต็มความรู้ความสามารถก็มีเยอะ คงไม่มีใครอยากให้องค์กรตัวเองมาแปดเปื้อนมัวหมอง มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเกิดขึ้นบ่อยๆ จากคนที่นอกลู่นอกทางไม่กี่คนแน่นอน

องค์กรอัยการสูงสุดจะพลิกกลับมาเป็นที่น่าเชื่อถือและศรัทธาของสังคมได้หรือไม่ คำตอบอยู่ที่ “ท่านสิงห์ชัย” แล้ว

** สมใจ ปชป.เขาล่ะ ที่ใช้แม่ไม้ข่มขู่ จน“ลุงตู่” ยอมคาย4กรมให้ “จุรินทร์”

ในที่สุด “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้ลงนามในคำสั่ง สำนักนายกฯคืน 4กรม ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้กลับไปอยู่ในการกำกับดูแลของ “รองนายกฯจุรินทร์ ” เหมือนเดิม

“4กรม” ที่ว่านั้นได้แก่ …กรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ซึ่งเป็นโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ เดิมอยู่ในความรับผิดชอบของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ซึ่งเป็น รมช.เกษตรฯ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เมื่อนายกฯสั่งปลด “ผู้กองธรรมนัส” คนของพรรคพลังประชารัฐ ก็เห็นว่าทั้ง4 กรมนี้ ควรจะยังอยู่ในการกำกับดูแลของพลังประชารัฐ ตามโควต้าพรรค จึงไปกระทุ้ง “ลุงตู่” ให้ดึงเอามาให้อยู่ในการกำกับดูแลของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

มองในมุมของนักเลือกตั้ง และพรรคการเมือง ย่อมรู้ดีว่ากระทรวงเกษตรฯ นั้นเป็นกระทรวงที่ใช้สร้างฐานเสียง ใช้หาเสียงได้ มีเครือข่ายเกษตรกรอยู่หลายกลุ่ม ทั้งยังมีงบฯก้อนใหญ่ให้ใช้ทุกปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง ลมแรง เกิดภัยธรรมชาติ ก็มีงบฯมาชดเชย ช่วยเหลือเยียวยา ยังมีงบฯประกันราคาพืชผล งบแทรกแซงราคา ทั้งเรื่องที่ดินทำกิน หนี้สินเกษตรกร เรียกว่าเป็นกระทรวงที่มีโครงข่ายใกล้ชิดกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ …แล้วอย่างนี้จะปล่อยให้อยู่ในมือประชาธิปัตย์ คนเดียวได้ไง

ขณะที่ประชาธิปัตย์ มองว่า… เมื่อตำแหน่งรมช.เกษตรฯ ว่างลง ยังไม่มีการตั้งใครมาแทน งานทั้ง4 กรม ก็ควรอยู่ในดูแลของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.เกษตรฯ และอยู่ในกำกับของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรี เหมือนเดิม ไม่ใช่มายึดเอาไปให้ “ลุงป้อม”ดูแล

ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม ไม่รักษามารยาททางการเมือง เป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีกันอย่างร้ายกาจ … ประมาณว่านายกฯไม่เห็นหัวประชาธิปัตย์ ทั้งที่ตอนจะตั้งรัฐบาลก็ส่งคนไปอ้อนวอน วันละ3 เวลา ให้มาเข้าร่วม แต่ตอนนี้นึกจะหัก ก็มาหักกันดื้อๆ มันหยามกันชัดๆ…ฮึ่ม ฮึ่ม !!

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
เมื่อเกิดความระหองระแหงกันอย่างนี้ นักวิเคราะห์การเมืองก็เตือน “ลุงตู่” ให้ระวังประชาธิปัตย์จะเอาคืนในเกมสภาฯ เพราะสภาฯ จะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 1พ.ย.นี้แล้ว และมี ร่าง พ.ร.ก.โรคติดต่อ รอคิวขอความเห็นชอบจากสภาฯ อยู่

หากถึงวันนั้นประชาธิปัตย์ เกิดฮึด โหวตสวนขึ้นมาก็เป็นอันว่ารัฐบาลต้องพังพาบ…นายกฯมีแค่สองทางเลือก ไม่ยุบสภา ก็ลาออก ซึ่ง “ลุงตู่” ยังไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และก็คิดว่าประชาธิปัตย์คงไม่ทำอย่างนั้น

แต่หากปล่อยปัญหา คาราคาซังไว้อย่างนี้ โดยไม่แก้ไขให้คลี่คลาย คนของประชาธิปัตย์ก็จะออกมา “เขย่า” รัฐบาลแบบไม่หยุดหย่อน ทั้งสื่อ และโซเชียลฯที่อยู่ตรงข้าม“ลุงตู่” ก็ต้องหยิบมาวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลแน่นอน

สุดท้าย “ลุงตู่” จึงต้อง “ตัดรำคาญ” ยอมส่ง4กรม ให้กลับไปอยู่ในการกำกับดูแลของ “รองนายกฯจุรินทร์” เหมือนเดิม … ก็สมใจประชาธิปัตย์เขาล่ะ

ซื้อของออนไลน์ที่ ลาซาด้า ช้อปสินค้าง่ายๆ ราคาถูก มีโปรโมชั่นมากมาย ☆LazMall สินค้าของแท้ 100% คืนง่ายใน 15 วัน ส่งฟรีทั่วไทย.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/3BlNRMw
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home