Tuesday, October 12, 2021

พรรคก้าวไกล หอกข้างแคร่เพื่อไทย!!



เมืองไทย 360 องศา

ในตอนแรกๆ อาจจะมองข้ามพรรคก้าวไกลว่าคงก้าวไปได้ไม่ไกลนัก หรือหากพิจารณาจากกระแสในเวลานี้ก็ต้องบอกว่า “ไม่แรง” เมื่อเปรียบเทียบกับยุคเป็นพรรคอนาคตใหม่ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี เมื่อผ่านไประยะหนึ่งหากพิจารณากันแบบความเป็นจริงก็ต้องถือว่าอยู่ในสภาพที่เริ่ม “นิ่ง” มีลักษณะฐานเสียงแน่นอนในระดับหนึ่ง และมีแนวโน้มที่จะเติบใหญ่ขึ้นไปได้

สิ่งแรกที่ได้เห็นจากผลสำรวจจากสำนักต่างๆในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเริ่มเห็นได้ว่าพรรคก้าวไกล เริ่มมีชื่อติดหูติดตามากขึ้น โดยเฉพาะ “ช่องว่าง” ความนิยมที่เริ่มแคบลงเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่น

ผลสำรวจที่ออกมาจะเห็นว่าพรรคก้าวไกล จะได้รับความนิยมที่เพิ่มขึ้นทั้งพรรคและตัวหัวหน้าพรรค คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยผลสำรวจจาก “นิด้าโพล” ก่อนหน้านี้ก็เห็นว่ามีชื่อของ นายพิธา ที่จะได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนร้อยละ 11.05 ตามหลัง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคไทยสร้างไทย ในแบบสูสีร้อยละ 11.15 ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมาเป็นอันดับหนึ่งที่ร้อยละ 17.54

ที่น่าสนใจก็คือ เป็นคะแนนความนิยมของนายพิธา ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการสำรวจคราวก่อนเกินเท่าตัว คือจากร้อยละ 5.45 ขณะที่คนอื่นทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และคุณหญิงสุดารัตน์ กลับมีคะแนนลดลงมาก

ส่วนในเรื่องความนิยมของพรรคการเมืองกลับพบว่าพรรคก้าวไกล ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากการสำรวจคราวที่แล้ว ที่เคยได้ร้อยละ 14.51 ครั้งล่าสุดเพิ่มเป็นร้อยละ 15.11 ตามหลังพรรคเพื่อไทยที่ยังมาเป็นอันดับหนึ่ง ที่ร้อยละ 22.50 ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ได้ร้อยละ 9.51 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 7.78 ซึ่งในประเด็นนี้หากโฟกัสเฉพาะพรรคก้าวไกล ก็ยังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

แน่นอนว่าหลายคนอาจจะโต้แย้งกับผลสำรวจจากบางสำนัก เช่น กรณีของ “นิด้าโพล” ซึ่งที่ผ่านมาอาจถูกตั้งคำถามไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องน่าสนใจอยู่ดี โดยเฉพาะในเรื่องของความนิยมและฐานเสียงของแต่ละพรรคการเมือง

สอดคล้องกับข้อมูลยอดเงินบริจาคภาษีเงินได้ให้กับพรรคการเมืองต่างๆ ประจำปี 2563 พบว่า มีพรรคการเมืองที่ได้รับการบริจาคภาษียอดเกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 5 พรรค คือ 1. พรรคก้าวไกลจำนวน 12,695,739.77 บาท 2. พรรคประชาธิปัตย์ 3,241,639.30 บาท 3. พรรคกล้า 2,532,740.71 บาท 4. พรรคพลังประชารัฐ 2,032,004.08 บาท และ 5 พรรคเพื่อไทย 1,422,517.81 บาท

ซึ่งหากพิจารณาจากข้อเท็จจริงก็ต้องยอมรับว่า ส่วนใหญ่ที่บริจาคเงินภาษีดังกล่าวให้กับพรรคการเมืองล้วนเป็นผู้มีรายได้เข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษี ซึ่งน่าจะเป็นคนชั้นกลาง และคนในเมืองทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล เป็นส่วนใหญ่ แม้ว่ายังมีองค์ประกอบอีกหลายอย่างที่จะต้องนำมาใช้สำหรับวัดความนิยมของแต่ละพรรคการเมือง แต่อย่างน้อยส่วนหนึ่งก็ชี้ให้เห็นว่า พรรคการเมืองเหล่านี้อยู่ในหัวของคนที่ตัดสินใจบริจาคเงินดังกล่าวไปให้

อย่างไรก็ดี นาทีนี้อยากโฟกัสเปรียบเทียบระหว่างสองพรรค คือ พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล เป็นหลัก เนื่องจากที่ผ่านมาและคาดว่าต่อเนื่องไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งสองพรรคจะกลายเป็นคู่แข่งในลักษณะที่ “ตัดคะแนนเสียง” กันเอง เนื่องจากรับรู้กันว่ามีฐานเสียง “ทับซ้อนกัน” ซึ่งที่ผ่านมามีการแข่งขัน มีการโจมตีดิสเครดิสระหว่างกันชัดเจน และรุนแรงมากขึ้นดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว

แน่นอนว่าฐานเสียงหลักสำหรับพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ล้วนเป็นฐานเสียงที่มีความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นมวลชนคนเสื้อแดงในอดีต อย่างไรก็ดี จากบทบาทในช่วง7-8ปีที่ผ่านมาถือว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะผลงานในสภา แม้ว่าจะเป็นพรรคที่มีส.ส.มากที่สุด แต่บทบาททั้งในและนอกสภา กลับแทบเป็นรองพรรคก้าวไกล และในความเป็นจริงเวลานี้ แทบจะไม่มีใครได้รู้จัก หรือรับรู้ถึงบทบาทของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าเป็นนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์

ลักษณะความนิยมจึงขึ้นอยู่กับความนิยมดั้งเดิมของมวลชนที่ศรัทธาต่อนายทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวชินวัตรเท่านั้น จึงไม่ต่างจากการ “กินบุญเก่า” ที่นับวันมีแต่หรอยหรอลงไปเรื่อยๆ และยังเป็นไปได้อีกว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า ยังต้องมาแชร์คะแนนเสียงกับพรรคไทยสร้างไทย ของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในพื้นที่หลักอย่างภาคอีสานเป็นต้น

ขณะที่พรรคก้าวไกล นาทีนี้รับรู้เช่นกันว่าฐานเสียงหลักน่าจะมาจาก “คนรุ่นใหม่” โดยเฉพาะฐานเสียในกลุ่มที่สนับสนุน “ม็อบสามนิ้ว” และแม้ว่าที่ผ่านมาผลจากการเคลื่อนไหวที่พุ่งเป้าโจมตี “สถาบันเบื้องสูง” ทำให้การสนับสนุนไม่ได้อยู่ในวงกว้างนัก พิสูจน์ได้จากผลการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และเทศบาลทั่วประเทศ ผู้สมัครที่พวกเขาสนับสนุนต่างพ่ายแพ้อย่างหมดรูป แต่ถึงอย่างไรก็ยังสร้างปรากฏการณ์บางอย่างในเรื่องความตื่นตัวในท้องถิ่นได้พอสมควร

แต่สำหรับพรรคเพื่อไทย หากยังคิด “กินบุญเก่า” ที่หวังพึ่งแต่อานิสงส์ของ นายทักษิณ อยู่เรื่อยไปในแบบไม่ยอมไปเกิดใหม่สักที นาทีนี้สำหรับพรรคก้าวไกลที่กำลังหายใจรดต้นคอเข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าจะคาดหวังจาก “บัตรเลือกตั้งสองใบ” ว่าจะได้เปรียบ แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่แน่ เพราะหลายพรรคย่อมต้องเตรียมแก้เกมมาเหมือนกัน

ดังนั้นนาทีนี้หากโฟกัสเน้นเฉพาะพรรคฝ่ายค้านสองพรรคหลัก ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ถือว่าในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องแข่งขันกันเข้มข้นแย่งชิงฐานเสียงที่ทับซ้อนให้มาเป็นของตัวเองให้ได้มากที่สุด และแม้ว่าในอนาคตยังมีตัวแปรเกิดขึ้นมากมาย แต่รับรองว่าพรรคก้าวไกล จะต้องเป็น “หอกข้างแคร่” พรรคเพื่อไทย แน่นอน !!

ซื้อของออนไลน์ที่ ลาซาด้า ช้อปสินค้าง่ายๆ ราคาถูก มีโปรโมชั่นมากมาย ☆LazMall สินค้าของแท้ 100% คืนง่ายใน 15 วัน ส่งฟรีทั่วไทย.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/3oWPX1N
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home