ทักษิณส่ง “อุ๊งอิ๊ง” ลงสนามมาเปิดแคมเปญ “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของชินวัตร” แต่งตัวรอเป็นแคนดิเดตนายกฯ ** เมื่อ”ลิซ่า” มาเคาท์ดาวน์ไม่ได้ ลุงผิดหวังเสียใจ งานทับถมก็มา
ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ทักษิณส่ง “อุ๊งอิ๊ง” ลงสนามมาเปิดแคมเปญ “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของชินวัตร” แต่งตัวรอเป็นแคนดิเดตนายกฯ
วันวาน พลพรรคเพื่อไทยยกทัพใหญ่ไป จ.ขอนแก่น เพื่อประชุมใหญ่สามัญประจำปี ภายใต้แคมเปญ “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ซึ่งตามโปรแกรมที่เซตกันไว้ก็คือ จะมีการ เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค และเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ชุดใหม่
กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่ว่านี้ จะถึงคิวของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้รับกับความเปลี่ยนแปลงของโลก ของเทคโนโลยี ซึ่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็คือ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน ส่วนเลขาธิการพรรค ยังเป็นคนเดิมคือ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ส.ส.นครราชสีมา
แต่ไฮไลต์ของงานนี้ อยู่ในช่วงที่ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค พร้อมกับประกาศเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้องของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่มารับตำแหน่ง ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม
“อุ๊งอิ๊ง” เป็นจุดเด่นของงานทันที ที่ขึ้นไปยืนหลังโพดี้ยม แสดงวิสัยทัศน์ว่าภารกิจที่จะทำคือการเชื่อมต่อจากรุ่นสู่รุ่น ให้เข้าใจกัน ทั้งความคิด วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าจะปฏิรูป 3 ด้าน คือ ด้านการศึกษา ด้านเทคโนโลยี และการส่งเสริมซอฟต์ พาวเวอร์ ก้อนจะปิดท้ายด้วย “ลูกอ้อน” แทนพ่อว่า… พ่ออยากจะกลับมากราบแผ่นดินไทย
แม้ “อุ๊งอิ๊ง”จะบอกว่าไม่ได้มาในฐานะนักการเมือง แต่มาในฐานะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม แต่ใครๆก็อดคิดถึงตำแหน่ง “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค” ไม่ได้ เพราะไม่มีใครเชื่อว่า “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคคนใหม่ จะมีบารมีขึ้นไปถึงขั้นแคนดิเดตนายกฯ
ยิ่งในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา “โทนี่ วู้ดซั่ม” หรือ ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมาโหมโรงไว้ล่วงหน้า ว่าหมดยุคของ “3ป.” ที่เป็นคนยุค “เบบี้บูมเมอร์” แล้ว พอได้แล้ว เปิดโอกาสให้คนในรุ่น Gen X Gen Y ได้เข้ามาบริหารประเทศ เพื่อจะได้ก้าวทันโลก ทันเทคโนโลยี จึงมองเป็นอื่นไปไม่ได้ ว่าเมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง “อุ๊งอิ๊ง” ก็คือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย
ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าพรรคนี้เป็นของตระกูลชินวัตร สโลแกน “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของชินวัตร” นั้นถูกต้องแล้ว และครั้งนี้อาจเป็น “เดิมพันครั้งสุดท้าย” ของทักษิณแล้ว !!
ขณะที่พลพรรรคเพื่อไทย และชาวเสื้อแดง กำลังชื่นมื่นที่ จ.ขอนแก่น …แต่ที่กรุงเทพฯ ที่พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเหมือนกัน แต่บรรยากาศต่างกันลิบลับ เพราะที่นี่กำลังมีการวัดพลังกันระหว่าง กรรมการบริหารพรรค “สาย 6 รัฐมนตรี”ที่งานนี้กลุ่ม “สามมิตร” เปิดหน้าออกมาเล่นเอง ปะทะกับ “สายผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า โดยมีตำแหน่งเลขาธิการพรรคเป็นเดิมพัน และมี “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นคนกลางคอย“ไกล่เกลี่ย”และพร้อมที่จะ “ทุบโต๊ะ” เพื่อให้พรรคเดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน
ทางสาย “6รัฐมนตรี” ที่มี “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นแบ็ก ต้องการให้ปลด “ผู้กองธรรมนัส” เพราะไม่ไว้ใจเกมในสภา เพราะกลัวจะถูกหักหลังซ้ำสอง ขณะที่“ผู้กองธรรมนัส” และแนวร่วมก็ฮึดสู้
ความจริงก่อนการประชุมกรรมการบริหารพรรค ก็พอจะระแคะระคายแล้วว่าผลจะออกมาอย่างไร … ฝ่ายที่เครียดหนักคือฝ่าย 6 รัฐมนตรี เพราะมีข่าวออกมาว่า ช่วงเย็นวันที่ 27ต.ค. ก่อนการประชุม 1วัน “ลุงป้อม” ได้เรียกกรรมการบริหารพรรคบางส่วนไปหารือกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ
มีรายงานข่าว ว่า พล.อ.ประวิตร เครียดจัดเพราะถูกกดดัน ฝ่ายหนึ่งก็ “น้องรัก” อีกฝ่ายก็ “ลูกพรรคที่เอ็นดู” และรู้ว่าที่มาของปัญหา เพราะมีบางคนทะเลาะกัน และมีเด็กไปบอกนายกฯ จึงทำให้เป็นปัญหา มีการงัดข้อกันขึ้นมา
“ถ้าไม่เอาธรรมนัส แล้วจะเอาใคร เขาทำงานได้ ทำงานเพื่อพรรค แล้วใครจะทำงาน คนอื่นก็เป็นคู่กรณีของเขา ถ้ายังไม่เลิกทะเลาะกัน กูลาออก ใครอยากมาเป็น ก็มาเป็นเลย”….
แต่… “ถ้านายกฯ จะไปตั้งพรรคใหม่ กูก็เลิก ไม่เล่นแล้วการเมือง” …ตามรายงานข่าวบอกว่า “ลุงป้อม” ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างนั้น
แล้วในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค “ลุงป้อม” ก็ทุบโต๊ะให้ทุกอย่างคงเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง… “ผู้กองธรรมนัส”ยังคงเป็นเลขาธิการพรรคต่อไป ส่วนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจนถึงมีการเลือกตั้งหรือไม่ ลุงป้อมบอก ไม่รู้!!
หลังจากนี้ให้ต่างฝ่ายต่างทำงานของตัวเองไป ฝ่ายหนึ่งก็ทำงานในฐานะรัฐบาล อีกฝ่ายก็ทำงานในส่วนของพรรค
ศึกระหว่าง “ธรรมนัส กับ 6รมต.” ก็สงบลงได้ชั่วคราว แบบฝ่ายหนึ่ง “อมยิ้ม” อีกฝ่าย “อมเลือด” …จากนี้ก็คอยจับตาว่าศึกครั้งใหม่จะปะทุขึ้นมาอีกเมื่อไร เพราะคนวงในบอกศึกนี้มี “คัมมิ่งซูน”!!
** เมื่อ”ลิซ่า” มาเคาท์ดาวน์ไม่ได้ ลุงผิดหวังเสียใจ งานทับถมก็มา
เป็นอันว่า แผนที่จะดึง “น้องลิซ่า” “ลิซ่า แบล็กพิงก์” หรือ “ลลิษา มโนบาล” ศิลปินสาวชาวไทยที่ไปโด่งดังระดับโลก กับวงแบล็กพิงก์เกาหลี มาโปรโมตท่องเที่ยวไทยต้องฝันสลายกลายเป็นอากาศธาตุ หลังจาก YG Entertainment ต้นสังกัดของน้องลิซ่า ส่งจดหมายชี้แจง นักร้องสาวไม่สามารถมาร่วมงานเคาท์ดาวน์ ภูเก็ตได้แล้ว
แน่นอนว่า ก่อนหน้านี้ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ป่าวประกาศอย่างมั่นใจว่า “ลิซ่า แบล็กพิงก์” จะมาร่วมงานเคาท์ดาวน์ 2022 ค่อนข้างแน่ ถึงกับบอกจะมีการเซ็นสัญญาร่วมงานอย่างเป็นทางการ เรียกเสียงฮือฮาตบมือกันเกรียวกราว
YG Entertainment ต้นสังกัดของ “ลิซ่า” ได้ให้เหตุผลที่ลิซ่ามาไม่ได้ เพราะ ตารางงานที่ถูกกำหนดไว้แล้ว โดยแถลงการณ์ระบุว่า ” เนื่องจากมีการรายงานข่าวว่า ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล ซึ่งเป็นศิลปินในสังกัดของทางบริษัท จะเข้าร่วมงานเคาท์ดาวน์ ฉลองปีใหม่ ณ ประเทศไทย
ทาง YG Entertainment ขอเรียนชี้แจงดังนี้… ทางเรารู้สึกขอบคุณและเป็นเกียรติอย่างสูง ที่ได้รับการติดต่อให้ศิลปินในสังกัดเข้าร่วมงานดังกล่าว แต่ทางบริษัทต้องขอแจ้งให้ทราบว่า ลิซ่าไม่สามารถมาร่วมงานได้ ด้วยตารางงานที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
ทางบริษัทฯ จึงเรียนแจ้งเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ขอขอบคุณที่ติดตามผลงานของศิลปินเป็นอย่างดีมาโดยตลอด”
ฝั่ง ททท. เมื่อรับรู้ก็บอกว่า เคารพการตัดสินใจของ YG และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสทำงานร่วมกันกับลิซ่าในอนาคตต่อไป
ส่วน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยอมรับว่าเสียใจและผิดหวังเหมือนกัน แต่ก็เห็นใจเพราะเป็นเรื่องธุรกิจ คนเตรียมจองมาดูเยอะ เพราะกำลังฮิต ถ้าไม่ฮิต คนเขาก็คงไม่จอง แต่งานก็ยังจะจัดต่อไป ต้องหาคนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก หรือคนที่เป็นสัญลักษณ์ เพราะต้องการให้มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา
ต้องบอกว่า วัฒนธรรมความเป็นไทย เป็น Soft Power อย่างหนึ่งที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาเยือนประเทศไทยได้เสมอ ซึ่ง “ลิซ่า” เป็นความหวังที่จะมากระตุ้น ปลุกกระแสท่องเที่ยวไทยได้หลังจากได้รับผลกระทบจากโควิดมายาวนาน
มองในมุมนี้ ก็น่าเสียดายที่น้องลิซ่ามาไม่ได้ ว่ากันแบบไทยๆ คนที่มองโลกในแง่ดีก็ว่า แม้จะฝันค้าง ฝันสลาย มโนกันไปบ้าง แต่ก็ยังดีที่ได้ฝัน
ตรงกันข้ามกับ “สายทับถม” ที่งานนี้ก็มาไม่น้อย สายนี้ มองว่าดีแล้วที่ ลิซ่ามาไม่ได้ เซฟเงินค่าจ้างค่าตัวเอาไปทำสาธารณประโยชน์อย่างอื่นได้อีกเยอะ อย่างเช่น วัคซีน หรืออุปกรณ์การแพทย์ เพื่อสู้รบกับโรคระบาด ที่ยังอาการน่าเป็นห่วง
ขณะที่ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ผู้ก่อตั้งมิสแกรนด์เจ้าเก่าเล่ายี่ห้อ “หิวแสง” ก็ไม่พลาดที่ร่วมด้วยช่วยทับถม แคปข้อความโพสต์แถลงการณ์จากค่าย วายจี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กับกรณีที่ “ลิซ่า” ไม่สามารถมาร่วมงานเคาท์ดาวน์ ที่ประเทศไทยได้ พร้อมกับโพสต์ข้อความว่า “ติดต่อกันยังไงครับ เค้ามีคิวงานอยู่แล้ว หรือไม่ได้ติดต่อ พูดกันไปเอง 555 ”
งานนี้ก็เอาที่สบายใจกันละกัน
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/3pUYHWy
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home