งานนี้ได้-เสีย “พิมรี่พาย” กับ กล่องสุ่ม 10 นาที 100ล้าน จิ้งจกทักเข้าข่ายพนันเพราะอิจฉา หรือว่าจะงานงอกแม่ค้าดัง!!? **รวมตัวจี๊ด!! สภาฯตั้งกมธ.ศึกษาเรื่องกาสิโน “ชัช เตาปูน-เต้ พระราม7-สิระ”นำทีม
ข่าวปนคน คนปนข่าว
**งานนี้ได้-เสีย “พิมรี่พาย” กับ กล่องสุ่ม 10 นาที 100ล้าน จิ้งจกทักเข้าข่ายพนันเพราะอิจฉา หรือว่าจะงานงอกแม่ค้าดัง!!?
พ.ศ.นี้ หากพูดถึงแม่ค้าออนไลน์-ยูทูปเปอร์ เบอร์ 1 คงไม่มีใครไม่รู้จัก “พิมรี่พาย” ขายทุกอย่าง หรือ พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ ที่สร้างปรากฏการณ์ให้ได้พูดถึงกันอยู่เรื่อยๆ ในโลกโซเชียลฯ
ล่าสุดก็ตกเป็นเรื่องโจษจันกับการเปิดขาย “กล่องสุ่มเครื่องสำอาง” กล่องละ 1 แสนบาท โดยมีคนกดเอฟเข้ามาสั่งซื้อถึง 1,000 กล่อง ได้เงิน 100 ล้านบาทภายใน 10 นาที ชนิดที่ร้องโอ้โห …อื้อหือ อุทานว่า บ้าไปแล้ว สนั่นวงการขายของออนไลน์!!
ความฮอตฮิตดังกล่าวมีการวิเคราะห์กันว่า นั่นเป็นเพราะพะยี่ห้อของ “พิมรี่พาย” ที่มีผู้ติดตามเธอจำนวนมากให้ความเชื่อถือ ยืนหนึ่งในเรื่องการขายด้วยลีลา คำพูดคำจาที่ถึงลูกถึงคนโดนใจ FC บวกกับกลยุทธ์การตลาดที่มาในรูปแบบ “กล่องสุ่ม” ที่ก็ต้องบอกว่าเข้าจริตคนไทย คนรุ่นใหม่ที่รักสนุก เล่นกับความท้าทายตื่นเต้นของผู้ซื้อที่ไม่รู้จะเจออะไรในกล่อง หรือให้ลุ้นคล้ายๆกับการ “เสี่ยงโชค เสี่ยงทาย” นั่นเอง
กระแสของ “กล่องสุ่มพิมรี่พาย” ยิ่งดังกระพือขึ้นไปอีก เมื่อกล่องสุ่มถูกส่งถึงมือผู้ซื้อ ซึ่งว่ากันว่า ส่วนใหญ่เป็นยูทูปเปอร์ และแน่นอนว่า ย่อมต้องมี “รีวิว” ของในกล่อง ปรากฏว่า นอกจากเครื่องสำอางแล้ว ยังมีทองคำ ไอโฟน13, โน้ตบุ๊ก, และของแบรนด์เนมอีกหลายรายการ ส่งมาในกล่องด้วย รวมถึง “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ที่เป็นของชิ้นใหญ่ รถเก๋งป้ายแดง!!
แน่นอนเมื่อเป็นกระแส ยิ่งเป็น “พิมรี่พาย” ที่เหมือนสปอตไลต์ดวงใหญ่ ส่องแสงสว่างวาบไหว ยังไงๆ ซะก็ย่อมต้องมีคนออกมาร้องทัก โดยเฉพาะผู้รู้เรื่องกฎหมาย หลายคนต่างให้ข้อคิดว่า “กล่องสุ่มพิมรี่พาย” สุ่มเสี่ยงเข้าข่ายพ.ร.บ.การพนันหรือไม่ ?
ผิดหรือไม่ผิด ดูกันตรงที่ว่า ในกล่องสุ่มที่ส่งมาเป็นอะไร หากลงทุนกล่องละ 1 แสนบาท แต่สินค้าที่ผู้ซื้อเปิดออกมาแล้วทุกอย่างราคา 1 แสนบาทขึ้นไป ก็อาจไม่ผิด เพราะถือว่าได้สินค้าคุ้มราคา จึงไม่เสี่ยง แต่ถ้าสินค้าในกล่องสุ่มมีมากกว่า หรือน้อยกว่า 1 แสนบาทก็เข้าข่ายการพนัน เพราะ ถือว่ามีการได้เสีย
พูดง่ายๆ ถ้าลงทุน 1 แสนบาท ได้สินค้าราคาที่มากกว่า ก็ถือว่าได้ ถ้าได้ราคาที่น้อยกว่าก็ถือว่าเสีย
ดังนั้นเมื่อมีการ “เสี่ยงโชค” จึงอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายตาม “พ.ร.บ.การพนัน” ซึ่งมีทั้งโทษจำคุก และปรับตามอัตรากฎหมายกำหนด จึงต้องขออนุญาตกับรัฐ แต่ส่วนมากเชื่อว่าอาจจะไม่ได้ขอกัน เพราะรัฐอาจไม่อนุญาต เนื่องจากไม่เล็งเห็นถึงประโยชน์ต่อสังคม
ขณะที่ “ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” ทนายความชื่อดัง ไลฟ์สดกล่าวถึงกรณี “กล่องสุ่ม” ของ “พิมรี่พาย” โดยยกคำนิยามของพ.ร.บ.การพนัน มาเปรียบเทียบ ซึ่งคำว่า “การพนัน” ต้องมีการได้-เสีย ไม่สามารถหาความแน่นอนได้ ในกรณีของกล่องสุ่ม ต้องมีผู้ที่ได้รับสินค้ามูลค่าต่ำกว่าราคาที่ซื้อไปอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเข้าข่ายผิดกฎหมาย และอาจถูกดำเนินคดีได้ แต่หากลูกค้าทั้งหมดได้รับสินค้าในกล่องราคาเท่ากับ หรือสูงกว่า 1แสนบาท จะไม่ถือว่าผิดกฎหมาย
พลันที่ความเห็นเหล่าผู้รู้กฎหมายออกมาเช่นนี้ ดรามาก็บังเกิดตามมาทันที ชาวเน็ตบ้างก็ว่า “กล่องสุ่ม” เขาก็เล่นกันมานานแล้วลุง ไม่ใช่มีแค่พิมรี่พาย ในแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ อย่าง “ลาซาด้า -ช็อปปี้”เขาก็เปิดขายกันโครมๆ
กล่องสุ่มเป็นเทรนด์ที่นิยมกันก็ไม่เห็นมีใครจะว่าอะไร พอเป็น “พิมรี่พาย” เห็นเธอขายได้เทน้ำเทท่า 10 นาที 100ล้าน จึงคิดอิจฉา หาช่องจับผิดกันไปเรื่อย หิวแสง หาแสง กันไม่รู้จักอิ่ม!!
งานนี้ เอาเป็นว่า จิ้งจกทักแล้ว กองเชียร์แม่ค้าออนไลน์ชื่อดังก็มากมี ได้-เสียยังไงพิมรี่พาย จะงานงอกหรือไม่อย่างไร ก็โปรดติดตามกันต่อไป
**รวมตัวจี๊ด!! สภาฯตั้งกมธ.ศึกษาเรื่องกาสิโน “ชัช เตาปูน-เต้ พระราม7-สิระ”นำทีม
เรื่องบ่อนเสรี เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กาสิโนถูกกฎหมาย มีการพูดถึงมาแทบทุกรัฐบาล เพื่อจะเอา “ธุรกิจใต้ดิน” เหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนดิน ดึงดูดนักท่องเที่ยว เก็บภาษี หารายได้เข้าประเทศให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็ยังไม่มีรัฐบาลไหนทำได้สำเร็จ
ทั้งที่โดยพื้นฐานแล้วคนไทยก็นิยมเล่นการพนัน มีบ่อนผิดกฎหมายอยู่เกลื่อนเมือง ยิ่งยุคนี้มีทั้งแบบออฟไลน์ ออนไลน์ พนันบอล พนันมวย หวยใต้ดิน สล็อต ตู้ม้า และอื่นๆ อีกจิปาถะ
ประเทศรอบๆ บ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น เขมร ลาว พม่า มาเลย์ มีบ่อน มีกาสิโน ถูกกฎหมายกันทั้งนั้น มีแต่ประเทศไทยที่ยังไม่มี คนไทยก็เลยต้องเดินทางไปเป็น “ลูกค้า” ของบ่อนในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มาตั้งจ่อรอรับอยู่ริมชายแดน เงินไหลเข้า ไหลออก อยู่ในระดับที่เรียกว่า มหาศาล!!
ประกอบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ เราต้องเจอกับ “วิกฤตโควิด” ต้องใช้งบฯ ทั้งป้องกัน รักษา เยียวยา จนต้องออกพ.ร.ก.กู้เงิน ถึงสองรอบ บรรดาส.ส.ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ทั้งพรรคใหญ่ พรรคเล็ก พรรคจิ๋ว จึงได้เสนอญัตติเกี่ยวกับเรื่องศึกษาความเป็นไปได้ในการที่จะมีสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” การจัดระเบียบบ่อนพนันผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย เข้าสู่สภาถึง 12 ญัตติ …เพื่อหารายได้เข้าประเทศ
และเมื่อวาน (2ธ.ค.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้พิจารณาเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญ พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ และที่ประชุมก็มีมติเห็นชอบให้ตั้งกมธ.ฯ ด้วยคะแนน 310 ต่อ 9 งดออกเสียง 10 โดยตั้งคณะกมธ.ฯ จำนวน 60 คน กำหนดระยะเวลาทำงาน 90 วัน
นับว่าเป็นครั้งแรกที่สภาฯ มีมติตั้งคณะกมธ. ขึ้นมาศึกษาเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ยิ่งเห็นจำนวนกมธ.ที่ตั้งกันมาถึง 60 คน ก็อดคิดไม่ได้ว่าสภาชุดนี้ให้น้ำหนักกับเรื่อง “บ่อน” เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ เพราะปกติที่ตั้งกมธ.กัน อย่างมากก็ 45 คนเท่านั้น และเมื่อไล่เรียงดูรายชื่อ ก็ต้องบอกว่า ตั้งคนได้ถูกกับงานจริงๆ
อย่าง ชัชวาลล์ คงอุดม หรือ “ชัช เตาปูน” ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางการเมืองนั้น เขาเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในเรื่องบ่อน และในครั้งนี้ก็เป็นผู้เสนอญัตติ เรื่อง ขอให้สภาฯตั้งคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการควบคุมและจัดระเบียบบ่อนการพนันผิดกฎหมาย และการพนันออนไลน์ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อจัดระบบการจัดเก็บภาษีเป็นรายได้เข้าประเทศ
หรืออย่าง มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ “เต้ พระราม7” ก็ แสดงวิสัยทัศน์ ถึงแนวทางการหารายได้เข้าประเทศจากการตั้งกาสิโน อยู่บ่อยๆ และครั้งนี้ก็ได้เสนอญัตติ ขอให้สภาฯตั้งคณะกมธ.วิสามัญ พิจารณาศึกษาการเปิดกาสิโนด้วย
ยังมี “สิระ เจนจาคะ” ที่แม้จะไม่ค่อยได้พูดถึงเรื่องบ่อน แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งแสดงจุดยืน ยืดอกสนับสนุน “น้องไข่เน่า” ที่ออกมาเรียกร้องในเรื่องทำหนังโป๊ถูกกฎหมาย ถึงขั้นจะใช้ตำแหน่งประธาน กมธ.กฎหมายฯ ช่วยผลักดันแก้กฎหมายให้ แถมยังปล่อยมุกว่า อย่าเปลี่ยนนามสกุลเขาเป็น “เจนราคะ” ก็แล้วกัน ซึ่งก็เชื่อว่าคงจะมีความคิด ความอ่านในเรื่องบ่อน เรื่องตู้สล็อต อยู่ไม่น้อย
ส่วน “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” จากพรรคเพื่อไทย ก็เป็นกมธ. และก็เป็นเจ้าของญัตติ ขอให้สภาฯ ตั้งกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ภาคเหนือ
ยังมีรัฐมนตรี “อธิรัฐ รัตนเศรษฐ” รมช.คมนาคม รวมทั้ง ส.ส.คนดังอีกหลายคน อาทิ “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ส.ส.อุทัยธานี “วิสาร เตชะธีราวัฒน์” ส.ส.เชียงราย “เทพไท เสนพงศ์” อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นต้น
หลังจากนี้ ก็ต้องติดตามกันว่า คณะกมธ.ชุดนี้จะศึกษา หาข้อมูลกันแข็งขันแค่ไหน จะต้องเบิกงบฯ ไปดูงานที่ลาสเวกัส ที่มาเก๊า หรือไม่ แล้วสรุปออกมาว่าอย่างไร
ก็อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าเรื่องบ่อนนี้ มีการศึกษากันมาหลายคณะ หลายยุคสมัย แต่สุดท้ายจะเกิดได้หรือไม่ อยู่ที่รัฐบาลเป็นคนตัดสินใจ
ครั้งนี้ก็เช่นกันแม้ กมธ.จะสรุปออกมาว่าควรต้องมี … สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับ“รัฐบาลลุงตู่”ว่าจะให้เกิดหรือไม่
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/3luXQcc
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home