ม็อบ 3 นิ้ว “อีแอบ” สะใจ เด็ก ๆ ติดคุกยาว!!
เมืองไทย 360 องศา
“ไม่มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลงคำสั่ง”
คำสั่งของศาลอาญาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยกคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราวของจำเลย คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน แกนนำคณะราษฎร จำเลยร่วมกันชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมายและความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ทั้งนี้ คำร้องขอปล่อยชั่วคราวในส่วนของนายพริษฐ์ จำเลย คดีดำ อ.287/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพริษฐ์ กับพวกรวม 22 คน (คดีปักหมุดคณะราษฎรที่สนามหลวง หมิ่นสถาบันเบื้องสูง) คดีหมายเลขดำ อ.2847/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 ยื่นฟ้อง นายพริษฐ์ กับพวก รวม 2 คน, คดีหมายเลขดำ อ.2948/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 5 ยื่นฟ้อง นายอานนท์ นำภา และนายพริษฐ์ กับพวกรวม 6 คน, คดีหมายเลขดำ อ.1668/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์ กับพวกรวม 12 คน, คดีหมายเลขดำ อ.286 /2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 ยื่นฟ้อง นายพริษฐ์ และคดีหมายเลขดำ อ.2932/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์ เป็นจำเลย
ศาลเห็นว่า นายพริษฐ์ จำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในคดีนี้ และกระทำการฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ซึ่งศาลเคยตักเตือนจำเลย และกำชับจำเลยผ่านผู้กำกับดูแลมาแล้ว จนเป็นเหตุให้ศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว อีกทั้งจำเลยมีพฤติการณ์กระทำผิดซ้ำในทำนองเดียวกันกับการกระทำที่เป็นมูลเหตุที่ถูกกล่าวหา หรือฟ้องร้องหลายคดี เมื่อพิเคราะห์ถึงลักษณะ และพฤติการณ์ของจำเลยในการแสดงออกหรือ ร่วมทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างมาก และมีความรุนแรงตลอดมา กรณีมีเหตุอันควรให้เชื่อว่า หากอนุญาตปล่อยชั่วคราว จำเลยจะไปกระทำการในทำนองเดียวกันกับที่ถูกฟ้องร้อง หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ชั้นนี้จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ที่ศาลสั่งไว้โดยชอบแล้ว จึงให้ยกคำร้อง
ในส่วนของ นายจตุภัทร์ หรือ ไผ่ ดาวดิน จำเลย คดีหมายเลขดำ อ.287/2564 และคดีหมายเลขดำ อ.2608/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักคดีอาญา 4 ยื่นฟ้อง นายจตุภัทร์ กับพวกรวม 18 คน เป็นจำเลย
เห็นว่าเมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์ของจำเลยในการแสดงออก ปราศรัย หรือชักนำ ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองประกอบกับจำเลยต้องข้อหาในลักษณะเช่นนี้ ที่ศาลนี้และศาลอื่นหลายคดี กรณีมีเหตุอันควรให้เชื่อว่าหากอนุญาตปล่อยชั่วคราว จำเลยจะไปกระทำในทำนองเดียวกันกับที่ถูกฟ้องร้อง หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ในชั้นนี้จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ที่ศาลสั่งไว้โดยชอบแล้ว จึงให้ยกคำร้อง
ในส่วนของ นายอานนท์ นำภา จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.2847/2564 , คดีหมายเลขดำ อ.2948/2564, คดีหมายเลขดำ อ.2887/2564, คดีหมายเลขดำ อ.2888/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 ยื่นฟ้องนายอานนท์ กับพวกรวม 7 คน, คดีหมายเลขดำ อ.1629/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 ยื่นฟ้อง นาอานนท์, คดีหมายเลขดำ อ.2804/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 5 ยื่นฟ้องนายอานนท์, คดีหมายเลขดำ อ.2495/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 ยื่นฟ้อง นายอานนท์ เป็นจำเลย
ศาลเห็นว่า เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์ของจำเลยในการแสดงออก ปราศรัย หรือชักนำในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ประกอบกับจำเลยต้องข้อหาในลักษณะเช่นนี้ที่ศาลนี้ และศาลอื่นหลายคดี กรณีมีเหตุอันการให้เชื่อว่า หากอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลยจะไปกระทำการในทำนองเดียวกันกับที่ถูกฟ้องร้อง หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ในชั้นนี้จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ศาลสั่งไว้โดยชอบแล้ว จึงให้ยกคำร้อง
ในส่วนของ นายภาณุพงศ์ หรือ ไมค์ จาดนอก จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.2887/2564, คดีหมายเลขดำ อ.2384/2564, คดีหมายเลขดำ อ.2888/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 3 ยื่นฟ้อง นายภาณุพงศ์ กับพวกรวม 3 คน
เห็นว่า เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์ของจำเลยในการแสดงออก ปราศรัย หรือ ชักนำในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ประกอบกับจำเลยต้องข้อหาในลักษณะเช่นนี้ ที่ศาลนี้ และศาลอื่นหลายคดี กรณีมีเหตุอันควรให้เชื่อว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยจะไปกระทำการในทำนองเดียวกันกับที่ถูกฟ้องร้อง หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ในชั้นนี้จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ศาลสั่งไว้โดยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา น.ส.ปนัสยา หรือ “รุ้ง” สิทธิจิรวัฒนกุล นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแกนนำกลุ่มราษฎร ศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว หลังจากจำเลยได้อ้างถึงเรื่อง “การสอบและอนาคตทางการศึกษา” โดยศาลได้กำหนดเงื่อนไขไว้หลายข้อ ทั้งเรื่องของการปล่อยตัวชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 64 ถึง12 มกราคม 65 โดยให้กักตัวอยู่แต่ภายในบ้าน และให้ติดกำไลอีเอ็มควบคุมการเคลื่อนไหว ห้ามออกนอกบ้านตลอด 24 ชั่วโมง ห้ามเข้าร่วมการชุมนุม ห้ามกระทำให้เกิดความเสื่อมเสียกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นต้น
นอกเหนือจากนี้ยังมีแกนนำคนอื่นๆ เช่น น.ส.เบญจา อะปัน ที่เคยถูกศาลสั่งจำคุกจากการละเมิดอำนาจศาล และในเวลานี้ก็ยังถูกยกคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยจากการให้ข้อมูลของทนายความ ระบุว่า ในคดีที่เธอถูกฟ้องในความผิดตาม มาตรา 112 จากการอ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูตเยอรมัน โดยศาลนัดสืบพยานนัดแรกในปี 2566 นั่นหมายความว่า น.ส.เบญจา จะต้องถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดีถึง 2 ปี
หากพิจารณากันเป็นรายบุคคลแล้วก็ต้องบอกว่า ระดับแกนนำที่เคยเคลื่อนไหวในลักษณะ “ห้าวเป้ง” ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ต่างเรียงแถวถูกคุมขังในคุกแทบทั้งสิ้น อาจมีเพียง น.ส.ปนัสยา หรือ “รุ้ง” สิทธิจิรวัฒนกุล ที่อ้างเรื่อง “การสอบ” จนศาลปล่อยตัวชั่วคราวจนถึงวันที่ 12 มกราคม ปีหน้าเท่านั้น และระหว่างนี้ห้ามออกจากบ้านตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ก็ต้องบอกว่าทุกอย่างกำลังเดินทางมาถึงจุดสำคัญ นั่นคือ “ความจริงคือ คุกยาว” เพราะหลายคดีเริ่มเดินในศาลมาไกลขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคดีความผิดตาม มาตรา 112 ที่มีอัตราโทษตั้งแต่ 3-15 ปี แต่แกนนำเหล่านี้มีการกระทำซ้ำ จนถูกฟ้องดำเนินคดีเดียวกันแบบซ้ำๆ คนละนับสิบคดี ต่างกรรมต่างวาระ ลองคิดดูว่าแต่ละคนหากศาลพิพากษาว่าผิดจริง จะโดนจำคุกคนละกี่ปี
หากบอกว่า “ใจถึง” ก็อาจจะกล่าวแบบนั้นได้ โดยเฉพาะสำหรับบางคน เช่น นายอานนท์ นำภา ที่มีอาชีพเป็นทนายความ ย่อมรับรู้ถึงกฎหมายและความผิด แต่เมื่อรู้แล้วยังทำซ้ำๆ ก็ต้องบอกว่า “นายแน่มาก” หรือไม่ก็อีกด้านหนึ่ง ก็อาจจะมาจากได้รับข้อมูลบางอย่างจนมั่นใจว่า “ไม่ติดคุกแน่ หรือ ติดไม่นาน” หรือเปล่า มั่นใจว่า “มีแบ็กดี” หรือไม่
อย่างไรก็ดี นาทีนี้คงไม่อาจคาดเดาความรู้สึกที่แท้จริงของพวกเขาว่า เป็นอย่างไรกันแน่ เพราะรับรองว่า สำหรับทุกคนแล้ว “การติดคุกย่อมไม่ใช่เรื่องสนุก” แน่นอน ยิ่งคนที่อยู่ในช่วงวัยหนุ่มแล้วระดับความรู้สึกย่อมผิดแผกออกไป หลายคนอาจไม่รู้สึกคึกเหมือนกับบรรยากาศก่อนหน้านี้แล้วก็ได้ เพราะเมื่อพิจารณาจากจำนวนของผู้เข้าร่วมชุมนุมในแต่ละครั้ง ระยะหลังระดับหลักสิบ หลักร้อย บรรยากาศเงียบเหงา และถูกดำเนินคดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่อีกมุมหนึ่ง อาจถือว่ามีความรู้สึกตรงกันข้ามกับกลุ่มที่เรียกว่า “อีแอบ” ทั้งหลาย ที่ไม่กล้าออกหน้ามาเสี่ยงติดคุกตะรางเอง แต่จะใช้วิธี “ยุแยง” ป้อนข้อมูลบิดเบือน ปลูกฝังความเชื่อของตัวเองในอดีตให้กับบรรดาเด็กๆ ที่ “ร้อนวิชา” ในตำราพวกนี้ออกมาลงถนน คนพวกนี้อาจรู้สึก “สะใจ” ที่สามารถปลุกเร้าให้บรรดาแกนนำม็อบพวกนี้ เคลื่อนไหวในลักษณะที่ “บ้าบิ่น” ในแบบที่ตัวเองยังไม่กล้าทำมาก่อน
แต่ผลที่แลกกลับมาก็คือ คุกตะรางที่พวกเขากำลังเจอ และการที่ไม่ได้รับการประกันตัวออกไประหว่างรอการพิจารณาคดีในศาล แต่ละคนถือว่า “ยาวไป”
อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากบรรยากาศรอบตัวก็ต้องถือว่าทุกอย่างกำลัง “ฝ่อลง” เนื่องจาก “เงื่อนไข” ต่างๆไม่ได้สุกงอมที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือที่เรียกว่า “เงื่อนไขปฏิวัติ” ซึ่งไม่มีทางที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ ดังนั้น นาทีนี้ต่อเนื่องไปถึงแนวโน้มวันข้างหน้ามันมีแต่คุกเท่านั้นที่รออยู่ และคุกคนละหลายปีอย่างแน่นอน !!
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/3FKDqEt
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home