World enews: งานนี้จะหมู่หรือจ่า ส.ป.ก.ลุยสอบ ดรามาพางานเข้า “ทิดสมปอง” ปมหนี้ซื้อที่ดิน 300ไร่ **จากสภาล่มซ้ำซาก โหร ส.ว.ฟันธง รัฐบาลลุงตู่ ชะตาถึงฆาตกลางปี !!

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** งานนี้จะหมู่หรือจ่า ส.ป.ก.ลุยสอบ ดรามาพางานเข้า “ทิดสมปอง” ปมหนี้ซื้อที่ดิน 300 ไร่

ดรามาว่าด้วย “แม่ปอง” หรือ สมปอง นครไธสง อดีต พส.ชื่อดัง พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต กับ “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ยิ่งมายิ่งขยาย โดยเฉพาะปม “หนี้” 10กว่าล้านของทิดสมปอง ที่ถูกเจ๊ติ๋มแฉว่า มาจากการซื้อที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อจะทำสวนยางพารา ไม่ใช่หนี้สร้างสนามกีฬา ห้องเรียน ให้ทุนแก่นักเรียนตามที่เจ้าตัวเคยออกมาพูดก่อนสึกแต่อย่างใด ซึ่งพอเป็นประเด็นขึ้นมา “ทิดสมปอง” ค่อยไลฟ์สดในเวลาต่อมา ยอมรับว่า เป็นหนี้จากการซื้อที่ดินจริง แต่เป็นที่ดินที่ซื้อให้แก่พ่อ แม่ พี่ๆ เพื่อมาทำสวน ไม่ใช่ที่ดินของตัวเอง

เรื่องนี้กำลังจะกลายเป็นประเด็นร้อนอกร้อนใจของ อดีตพส. โดยที่ “นักร้อง” คู่กรณีอย่าง “ศรีสุวรรณ จรรยา” ที่ทิดเคยอยากโดดเตะปากนั้น ไปยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเรียบร้อย

ขณะที่ ฟังว่า “วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข” เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)บอกว่า มีเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบที่ดินตามที่อยู่ของ “ทิดสมปอง” ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.นครราชสีมา ว่าเป็นอย่างไร พิกัดพื้นที่เป็นที่ดินของ ส.ป.ก.จริงหรือไม่

เนื่องจากพื้นที่ของส.ป.ก.และป่าไม้ คาบเกี่ยวกันอยู่ ทั้งนี้คาดว่าสัปดาห์หน้าคงจะทราบเรื่องทั้งหมดแน่

นาทีนี้ มองในมุมกฎหมาย “ทนายตั้ม” หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ว่า ในส่วนของที่ดินที่เป็นข่าวว่า “ทิดปอง” ครอบครองจำนวนสามร้อยไร่ ถ้าดูจากราคา 10.9 ล้าน ที่ดินสามร้อยไร่ ไม่น่าซื้อได้แบบเป็นโฉนด น่าจะเป็นเอกสารแสดงการครอบครองที่ดินที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกให้กับประชาชนเข้าทำประโยชน์ ในเขตปฏิรูปที่ดิน ถ้าครอบครองคนเดียวที่ดิน ส.ป.ก. 300 ไร่เลย ถ้าเป็น ส.ป.ก. 4-01 อันนี้เรื่องใหญ่ครับ

เพราะบุคคลทั่วไป ไม่สามารถซื้อขาย โอนสิทธิกันได้ง่ายขนาดนั้น มีเงื่อนไขเยอะ เช่น ต้องยากจน ครอบครองได้ไม่เกิน 50 ไร่ และมีกฎหมายควบคุมด้วย ว่าแต่ละคนครอบครองได้จำนวนกี่ไร่ เพราะฉะนั้นต้องตรวจสอบกันอีกที ว่ามีจำนวนนี้จริงไหม และใครคือผู้ครอบครองสิทธิ แต่ถ้าคนๆเดียว หรือครอบครัวเดียวกันเป็นผู้ครอบครองจำนวนมากขนาดนี้ ก็อาจมีปัญหาได้ในอนาคต
อย่างไรก็ดี “ทนายตั้ม” ลงความเห็นถึงประเด็นร้อนนี้ทิ้งท้าย ตื้นลึกหนาบาง ต้องมาดูเอกสารกันอีกที ว่ามีที่ดินจำนวนนี้จริงไหม ยังไงขอให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นด้วยความระมัดระวังเพราะเสี่ยงต่อการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาได้

เรียกว่า ชาวโซเชียลฯ ตลอดจนสังคมต้องอดใจรอผลการพิสูจน์ของสำนักงานส.ป.ก.และ ข้อเท็จจริงทั้งหลายทั้งปวง ก่อนที่จะดรามาไปมากกว่านี้

ที่แน่ ๆ ก่อนที่ความจริงจะปรากฏ ตอนนี้ อดีต พส. ชื่อดังตกอยู่ในภาวะกำลังเผชิญวิบากกรรมทางโลกในหลายๆ เรื่อง ดังที่ “พระพยอม กัลยาโณ” เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว บอกเอาไว้ว่า “ทิดสมปอง”นั้นจัดอยู่ในประเภท ทันธรรม แต่ไม่ทันโลก
“พระพะยอม” ยังว่า ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องราวต่างๆ จะเกิดขึ้นกับอดีต พส. รวดเร็วมากจนหลายคนที่เคยเป็นลูกศิษย์ และเคารพกราบไหว้ตั้งตัวไม่ทัน เพราะเรื่องที่ถูกแฉเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก และ ต่อไปนี้ จะมีคนเข้ามาขุดคุ้ยเรื่องราวกันมาก ถ้าอดีต พส. ทนรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ อาจจะทำให้บั่นทอนจิตใจพอสมควร แต่อีกด้านหนึ่งก็มองว่า สมปองเป็นคนเก่ง เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ เชื่อว่าใช้เวลาไม่นานน่าจะกลับมาได้ ตามสุภาษิตของไทยที่ว่า “ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มห้ามข้าม”
งานนี้ หมู่หรือจ่า ก็ต้องติดตามกันต่อไป

** จากสภาล่มซ้ำซาก โหรส.ว.ฟันธง รัฐบาลลุงตู่ ชะตาถึงฆาตกลางปี !!

สภาล่มแล้วล่มอีกจนกลายเป็นประเด็นที่ถูกสังคมประณามบรรดาท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลายทำงานไม่คุ้มภาษีประชาชน และหาคำอธิบายแก้ต่างไม่ได้ว่า เหตุผลกลไกจึงเป็นเช่นนั้น นอกจาก “เล่นการเมือง” กันจนเละเทะ

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ย่อมมีนัยยะสำคัญ ว่าแล้ว “วันชัย สอนศิริ” สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สวมวิญญาณ “พ่อหมอ” จับยามสามตาวิเคราะห์โหราศาสตร์ ฟันธงลงไปผ่านการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ปฏิทินการเมืองกับปฏิทินดวงเมือง ช่างสอดรับกันจริงๆ เลือดจะไปลมจะมาตามประสาของดาวเกตุ ที่มีอิทธิพลต่อการสร้างความลับลมคมในสับสนอลหม่าน มีผลให้เกิดความไม่ปกติกับบ้านเมืองในทุกๆ ด้านเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว

สภาล่มซ้ำซาก ถามว่า แล้วรัฐบาลจะล่มไหม ก็ในเมื่อรัฐบาลเป็นเสียงข้างมากแต่เสียงข้างมากล่มแล้วล่มอีก ก็เป็นคำตอบอยู่ในตัวแล้วว่าชะตาชีวิตใกล้จะขาดเต็มที ในช่วงนี้ก็ยังพอประคับประคองกันไปได้แบบสะบักสะบอม พอกลางปีจะกระพือโหมรุนแรงยิ่งขึ้น จะไปหรือไม่ไปก็อยู่ในช่วงนั้นแหละ

ปฏิทินการเมืองกับปฏิทินดวงเมืองเดินคู่ขนานกันมาอย่างน่าอัศจรรย์ วันที่ 7 ก.ค. 65 ดาวมฤตยูย้ายเข้าสู่ราศีพฤษภ จะสร้างแรงสั่นสะเทือนหวั่นไหวอย่างรุนแรงทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองทั้งก่อนและหลังวันเคลื่อนย้ายของดวงดาว ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย

พอปลายเดือนพฤษภาคม สภาเปิดทีนี้แหละทั้งการเมืองและดวงเมือง อิรุงตุงนังกันไปหมด ดาวสำคัญๆ ขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวปะทะกันแรงทั้งภายนอกและภายใน และก็มีเรื่องใหญ่ๆ ในสภาถึงขั้นแตกหักจะอยู่หรือไป ก็อยู่ในช่วงนั้น เหมาะเจาะกับการโคจรของดวงดาวพอดี

ต้นเดือนมิ.ย.65 พ.ร.บ.งบประมาณจะเข้าสภา นี่ก็เรื่องใหญ่ถ้าไม่ผ่านรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้แล้วก็จะตามมาด้วยอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้ายื่นเมื่อไร รธน.ห้ามยุบสภา ขืนให้ยื่นก็เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหนักเข้าไปอีก และก็เคยมีบทเรียนที่เจ็บปวดมาแล้ว ใครจะยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบเก่าล่ะ ก็ยุบเสียก่อนไม่ดีกว่ารึ

นอกจากนี้ญัตติแก้ไขรธน.ห้ามส.ว.โหวตนายกฯ ก็จะจ่อคอหอยตามเข้ามา นี่ก็เรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งของทั้งสภาล่าง และสภาบน พรรคร่วมรัฐบาลก็จะปั่นป่วนคงจะไม่แทงกั๊กแบบเก่าแน่นอนจะถอนตัวหรือไม่ถอนตัวแตกหักกันก็ตอนนี้ เวลาอยู่กับอำนาจมันน้อยเต็มที

เห็นไหมมันเรื่องคอขาดบาดตายทั้งนั้น!

ตามปฏิทินการเมืองเป็นการแสดงฤทธิ์แสดงเดชของดาวมฤตยู เป็นเรื่องความเป็นความตายซึ่งจะเกิดขึ้นในเวลานั้น ประกอบกับปฏิทินการเมืองอย่างที่ว่ามานั้นแต่ละเรื่องมันสาหัสสากรรจ์ สัญญาณต่างๆ ที่ให้เห็นและอาการที่ปรากฏในขณะนี้มันชี้อนาคต กรรมเป็นตัวกำหนดไม่มีใครลิขิตได้ ใครจะอยู่ใครจะไปหรือใครจะมาก็เป็นกรรมของแต่ละคน

งานนี้จะแม่นหรือไม่ เอาปากกามาวงไว้แล้วแปะข้างฝา รอดูกันต่อไป.