Monday, May 2, 2022

คำถามถึง “ดีอี-ลุงตู่” ให้รางวัล “บิทคับ” ไปได้ยังไง? ทั้งที่ย้อนแย้ง ก.ล.ต.คุมเข้ม มีข้อครหาตลาดปั่นเหรียญ-เดินสายมอมเมาเยาวชน ** กาโตะ จาก”หลวงพี่” มาเป็น “พี่หลวง” ดรามาสามนิ้ว ฟาดสลิ่มสนั่น



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** คำถามถึง “ดีอี-ลุงตู่” ให้รางวัล “บิทคับ” ไปได้ยังไง? ทั้งที่ย้อนแย้ง ก.ล.ต.คุมเข้ม มีข้อครหาตลาดปั่นเหรียญ-เดินสายมอมเมาเยาวชน ** กาโตะ จาก”หลวงพี่” มาเป็น “พี่หลวง” ดรามาสามนิ้ว ฟาดสลิ่มสนั่น

เรื่องต่อไปนี้น่าจะต้องบันทึกเอาไว้เป็นอีกหนึ่งเรื่องว่า “ประเทศกูมี”

ว่าด้วยเรื่องของ “บิทคับ” กับรางวัล “Prime Minister’s Digital Award 2021” ในสาขา Digital Startup of the Year ที่จัดโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลฯ หรือ ดีอีเอส

รางวัลนั้นมอบกันเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย “ท๊อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้โพสต์เฟซบุ๊กยินดีปรีดากับรางวัลที่ได้ ขอบคุณสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และหน่วยงานภาครัฐต่างๆยกใหญ่ ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชน และสินทรัพย์ดิจิทัล และได้ให้เกียรติมอบรางวัลให้บิทคับ

แน่นอนว่า สำหรับ “ท็อป” และ “บิทคับ” เป็นเรื่องน่ายินดี ซึ่งหมายถึง “เครดิตความน่าเชื่อถือ” ที่จะเอาไว้ต่อยอดคำโฆษณา-มาร์เก็ตติ้งได้อีก แต่สำหรับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัยพ์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลธุรกิจของบิทคับ น่าจะยินร้ายเสียมากกว่าที่หน่วยงานรัฐด้วยกันไปคนละทาง มาย้อนแย้งกันเองแบบต้องอุทาน ..อิหยังวะ!
รู้กันอยู่ว่า ก.ล.ต.เวลานี้นั้น พยายามกำกับดูแลธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะธุรกิจ “ตลาดคริปโต” ที่บิทคับทำอยู่ เพราะก.ล.ต.มองว่า สินทรัพย์ดิจิทัล หากเอาไปพัฒนาก็มีส่วนดี แต่การซื้อขาย หรือธุรกิจตลาดเทรดคริปโต มีความเสี่ยงสูง ผันผวน แถมมีโอกาสที่จะถูกพวกอาชญากรไอที แฝงเข้ามาเปิด “นอมีนี” หรือ “บัญชีม้า” ใช้เป็นช่องทางในการทำธุรกรรมฟอกเงิน หลบเลี่ยงภาษี หรือธุรกิจที่ผิดกฎหมายอื่นๆ นั้นต้องกำกับดีๆ

จะเห็นว่า ก.ล.ต.หรือ แบงก์ชาติ เข้มงวดมากในเรื่องของตลาดซื้อขายคริปโตฯ ก.ล.ต.เคยลงโทษตลาดบิทคับหลายต่อหลายครั้ง อย่างน้อยๆ 2-3 ปีนี้ก็ 9 -10ครั้งเข้าไปแล้ว เพื่อให้ทำตามกฎเกณฑ์ และเงื่อนไข และเพื่อคุ้มครองนักลงทุน

นี่ไม่นับรวมเหรียญ “Kub” ของบิทคับ ที่ออกเอง เอามาซื้อขายเองในตลาดตัวเอง มีภาพของการ “ปั่น” หรือ สร้างราคาเหรียญที่ลากจาก 30บาท ขึ้นไปถึง 500 กว่าบาท แล้วปล่อยให้เจ้ามือ “ทุบ” โกยเงินเข้ากระเป๋า แมงเม่าตายเกลื่อนกลาด ที่ก.ล.ต.กำลังสอบสวน

ขณะที่ “บิทคับ” ที่ผ่านมาโหมประโคมโฆษณาทำการตลาดโจ่งครึ่ม ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ บิลบอร์ด หน้า”ท็อป” กับข้อความประโคมด้านดี ชวนคนมาเป็นสมาชิกกับบิทคับเพียง “10บาท” ก็ลงทุนได้เต็มบ้านเต็มเมือง เรียกว่าไปไหนก็เจอ

ตอนนี้แคมเปญหาลูกค้ามาเล่นยังแพร่ระบาดเข้าไปในสถานศึกษา กวาดตั้งแต่เด็กมัธยมฯ ไปจนถึงเด็กมหาวิทยาลัย จัดหลักสูตร สร้างคอมมูนิตี้ สร้างอีเว้นต์ ทำทุกรูปแบบที่จะปลูกฝังชุดความคิด “คริปโต เป็นอนาคตที่มั่งคั่ง” เรียกว่า ปั่นหัวเด็ก มอมเมาเยาวชนกันเต็มที่ไปเลย

แถมเจ้าของอย่าง “ท็อป” ก็โฆษณาตัวเอง และแทรกซึมเข้าไปสนับสนุนอีเว้นต์ ที่สังคมให้ความสนใจทุกอย่าง โฆษณาชักชวนให้ประชาชนมาใช้บริการ เช่น สมาคมฟุตบอล ร่วมสนับสนุนจัดศึกแดงเดือด แมนยูฯ-ลิเวอร์พูล ในไทย

ล่าสุด ยังโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ต้องการจะซื้อสโมสรฟุตบอลในไทยลีก มีใครจะขายมั้ย ทำให้บรรดาแฟนๆ ลูกหนังพูดถึงอื้ออึง ถือเป็น “ไทอิน” ให้บิทคับ แบบเนียนๆ

เรียกว่า “ท็อป” จิรายุส ตอนนี้ย่ามใจ ได้ใจเรื่องโฆษณา-ชวนคนมาเป็นสาวกบิทคับ ลั๊ลลาจริงๆ

ยิ่งโฆษณา ยิ่งชวนคนมาโดยเฉพาะเด็กๆเยาวชน มามากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้บิทคับอู้ฟู้ แต่คนเล่นหรือลูกค้ามั่งคั่งหรือไม่ เห็นมีแต่บ่นว่า ติดดอยลงจากดอยกันไม่ได้จำนวนมาก

ฟังว่า ผลประกอบการ “เก็บค่าต๋ง” ปีที่แล้ว มีรายได้ 5 พันล้าน กำไรกว่า 2 พันล้าน เขาว่ากันว่าเป็นผลมาจากการเก็บค่าต๋งที่แพงระยับ 0.25% บวกกับค่าธรรมเนียมการโอนที่เก็บจากลูกค้าชนิดแบงก์คิดแค่ 3 บาท แต่บิทคับ งับลูกค้า 20บาท นั่นแล
ถามว่า ก.ล.ต.จะทำอย่างไร? หลังจากศึกษาข้อมูลการกำกับดูแลในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ สเปน อังกฤษ ญี่ปุ่น ที่ออกหลักเกณฑ์ควบคุมโฆษณาคริปโตเพื่อคุ้มครองประชาชน ฟังว่า ก.ล.ต. จึงเสนอหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์การโฆษณาของผู้ประกอบธุรกิจให้เข้มงวด เช่น ห้ามโฆษณาคริปโตเคอร์เรนซี ในพื้นที่สาธารณะ

ก.ล.ต. ยังจัดให้มีคำเตือนบอกชาวบ้านด้วยว่า “การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล มีความเสี่ยงสูง อาจสูญเสียเงินลงทุน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ และศึกษาข้อมูล รวมทั้งลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้” ตอนนี้ก็ใกล้จะออกมาตรการมาบังคับใช้แล้ว

นี่แค่ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นด้านที่หน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลเป็นห่วง แต่ “ดีอีเอส” กลับไม่รู้ไม่ชี้ จะบอกว่าหลับหูหลับตาแจกรางวัล ก็ว่าได้ ย้อนแย้งกับ ก.ล.ต.โดยสิ้นเชิง

ถามไปถึง “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นดีเห็นงามกับธุรกิจเก็บค่าต๋งตลาดซื้อขายคริปโต ที่เก็งกำไร เสี่ยงสูง ไม่ต่างกับ “บ่อนพนันออนไลน์” เจ้ามือรวย คนเล่น เด็กๆ เยาวชน เป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ เสี่ยงหมดเนื้อหมดตัว แบบนี้หรือ?

และ นี่เป็นรางวัลของนายกรัฐมนตรี ก็ต้องถามไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “นายกฯลุงตู่” ด้วยว่า รางวัลแด่ “บ่อนพนัน” ปั่นเหรียญ มอมเมาเยาวชน แบบนี้ก็ได้หรือ? ไม่ถาม ก.ล.ต.กับแบงก์ชาติ ว่าเขาคิดอย่างไรกับธุรกิจประเภทนี้

ลุงเองก็เคยแนะนำคนให้ไปดูหนังในเน็ตฟลิกซ์ เรื่องด้านมืดของคริปโตฯ แล้วมาสนับสนุนรางวัลแบบนี้ เอาอะไรคิดกัน คนเขาสงสัย หรือลุงสักแต่จะเกาะ จะโหนแสง ที่ บิทคับ กำลังดังอย่างนั้นหรือ ?

ถ้าอย่างนี้แล้วใช้มาตรฐานเดียวกัน ปีต่อๆ ไป แพลตฟอร์มพนันออนไลน์ หรือ แพลตฟอร์มซื้อขายหวย ที่ส่ง “แรมโบ้” ไปปราบ ไม่ใช่มีสิทธิ์จะได้รางวัลหรือเปล่า

งานนี้ช่างอเนจอนาถใจ กับ”ประเทศกูมี” เสียนี่กระไร.!!


** กาโตะ จาก”หลวงพี่” มาเป็น “พี่หลวง” ดรามาสามนิ้ว ฟาดสลิ่มสนั่น

เอวังด้วยประการฉะนี้ เมื่อ “พระพงศกร ปภัสสโร” หรือ “พระกาโตะ” หรือ “หลวงพี่กาโตะ” รักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ ต.กะเปียด อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช กลายเป็น อดีตพระไปเรียบร้อย หลังลาสิกขาเมื่อวันที่ 30เมษาฯ ที่ผ่านมา จากนั้น เจ้าตัวปรับสเตตัส เป็นฆราวาส ผ่านทางโซเชียลฯ โดย เพจเพิ่มชื่อจาก พงศกร จันทร์แก้ว มาเป็น พงศกร จันทร์แก้ว (หนังแรมโบ้ ศ.สุวรรณศิลป์)

พร้อมเปลี่ยนรูปโปรโฟล์ จาก “พระ” มาเป็นรูปที่สวมเสื้อสีเขียว และเขียนข้อความระบุว่า “พี่หลวงกาโตะ”

เรื่องราวของ “หลวงพี่” มาเป็น “พี่หลวง” ต้องบอกว่า เริ่มเป็น ทอล์กออฟเดอะโซเชียลฯ มาหลายวันต่อเนื่อง จากกรณีมีคลิปเสียงที่ปรากฏหญิงสาวปริศนา สนทนากับชายคนหนึ่ง ในท่วงทำนอง “รักๆใคร่ๆ” โดยน้ำเสียงฝ่ายชายถูกกล่าวหาว่าคล้ายกับพระนักเทศน์ชื่อดัง ขณะที่ “พระกาโตะ” ขณะนั้น ออกมายืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง และยืนยันว่า ไม่ใช่เจ้าของเสียงในคลิปแต่อย่างใด

ทว่า เรื่องราวไม่จบ มีการแชร์คลิปเสียง และขุดคุ้ยกันมากกว่าเดิม กระทั่งมีข่าว “หลวงพี่กาโตะ” ได้หายตัวออกไปจากวัด ซึ่งเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประกาศตามหาตัว ประกอบกับมีคลิปการสนทนาหลุดอีกครั้ง

คราวนี้ระบุชื่อเรียกตัวเองว่า “พระกาโตะ”พร้อมกับระบุพฤติกรรมสวมบท “สายเปย์” รับปากจะช่วยจ่ายเงินค่าคอนโดกับค่ารถ ให้ฝ่ายหญิง

ว่ากันว่า เรื่องราวตอนนั้นทำท่าบานปลาย จึงมีพระที่หลวงพี่กาโตะนับถือ ยื่นมือมาช่วยไกล่เกลี่ย กับสาวในคลิปเสียงว่าให้คุยกันดีๆ โดยที่สาวเจ้าของคลิปเสียง เล่าให้พระที่เป็นคนกลางฟังว่าเคยมีสัมพันธ์กัน แต่ต่อมาขาดการติดต่อ ตอนป่วยไบโพลาร์ แต่รู้สึกแย่ อึดอัด เพราะโดนทิ้ง จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง แม่ก็สั่งให้เลิกยุ่งเพราะรับไม่ได้ ส่วนพระคนกลางนั้น รักพระกาโตะเหมือนน้อง จึงขอว่าควรจะจบกันแบบสันติ โดยมีการเสนอเงินค่าเสียหายแลกกับการจบด้วยดี มีรายงานว่ามีการนัดรับเงินค่าเสียหาย 3 แสน

นี่เป็นเรื่องที่ว่ากันในโลกออนไลน์ จริงหรือไม่ก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่ต่อมาหลวงพี่กาโตะ ก็ได้ลาสิกขาไปเมื่อเวลา 21.34 น. ของวันที่ 30 เมษายน ดังกล่าว

ในแวดวงสงฆ์ ว่ากันว่า เมื่อพระนักเทศน์ที่ต้องสงสัยได้สึกจากพระไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องทั้งหมดในทางพระธรรมวินัยถือว่าจบสิ้น โดยหลังจากนี้หากมีกรณีที่เกี่ยวข้อง และเข้าข่ายละเมิด อาจเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หรือไม่ก็ได้

อดีตพระพงศกร ปภัสสโร หรือ “หลวงพี่กาโตะ” ได้กล่าวเพียงว่า “การบวชนั้นได้บวชเพื่อโยมแม่หวังพึ่งพาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อให้โยมแม่ ตัวเองเป็นเพียงพระนวกะ ที่ยังอ่อนหัดในพระธรรมวินัยอย่างมาก เพื่อลบอุปสรรคนี้ จึงตัดสินใจยุติในการดำรงเพศบรรพชิต จึงขอโอกาสขอขมาพระอาจารย์ทุกรูป และขอลาสิกขาในวันนี้”

สำหรับประวัติ อดีตหลวงพี่กาโตะมี ชื่อจริง “นายพงศกร จันทร์แก้ว” ชื่อเล่น “แรมโบ้” เกิดและโต ที่ จ.นครศรีธรรมราช เริ่มเข้าอุปสมบทตั้งแต่ปี 2560 เนื่องจากสัญญากับแม่ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งไว้ พระกาโตะ ถือเป็นพระนักเทศน์หนุ่มที่มีสไตล์ถูกใจวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ สอนธรรมะควบคู่ไปกับมุกตลก จนมีกลุ่มแฟนคลับติดตามในโซเชียลฯหลายแสนคน

วันนี้แม้จะเรื่องฉาว จากหลวงพี่ มาเป็นพี่หลวง บรรดาแฟนคลับก็ยังเข้ามาให้กำลังใจ ขอให้เริ่มต้นใหม่ บ้างก็ขอให้สู้ๆ
แน่นอนว่า กลุ่มคนที่อยู่ตรงข้ามอย่าง กลุ่มสามกีบ สามนิ้ว ก็ไม่พลาดที่จะเปิดเครื่องด่า ฟาดซ้ำ โดยย้อนวีรกรรมสมัยที่เจ้าตัวเคยปล่อยวาทะเด็ด เหน็บชาว 3 นิ้ว ว่า “หุงข้าวยังไม่เป็นเลย จะไปปฏิรูปประเทศแล้ว” คราวนี้โดนสวนกลับว่า หลังจากนี้ไม่ได้เป็นพระ คงต้อง “หุงข้าวกินเอง” แล้ว และไม่ลืมเปิดศึกกับ “ชาวสลิ่ม” ที่นำโดยเครื่องด่าตัวพ่อ อย่าง “ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์” หรือกระทั่ง “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ศาสดาของแกนนำเด็กสามนิ้ว ก็โดดร่วมวงบริภาษกาโตะ กะเขาด้วย
งานนี้ไปๆมาๆ กลายเป็นดรามาลุกลาม เป็นศึกระหว่างสามนิ้วเอาคืนสลิ่มไปซะงั้น

ซื้อของออนไลน์ที่ ลาซาด้า ช้อปสินค้าง่ายๆ ราคาถูก มีโปรโมชั่นมากมาย ☆LazMall สินค้าของแท้ 100% คืนง่ายใน 15 วัน ส่งฟรีทั่วไทย.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/zWGwRNT
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home