Thursday, September 8, 2022

วาระ8 ปี “บิ๊กตู่” กองเชียร์-กองแช่งเครียดเวอร์ !?



เมืองไทย 360 องศา

อาจเป็นเพราะคุณสมบัติเฉพาะตัว ที่มีทั้งคนรัก คนชังเป็นจำนวนมาก เป็นบุคคลสาธารณะของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงถูกจับตามอง ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมาย จนบางครั้งเกินความพอดีด้วยซ้ำไป เหมือนกับกรณีที่กำลังเกิดขึ้นจากการที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยกรณีถูกร้องเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีแล้วหรือไม่

โดยศาลเตรียมที่จะประชุมนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 8 กันยายน ซึ่งนาทีนี้ยังไม่รู้ว่า จะมีการพิจารณาวินิจฉัยในวันเดียวกัน หรือจะนัดฟังคำสั่งวินิจฉัย หรือพิจารณาเรียกเอกสารเพิ่มเติม รวมถึงพิจารณาเป็นอย่างอื่นหรือไม่ ก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่เอาเป็นว่าตามรูปการณ์แล้วน่าจะสรุปออกมาเร็ว เพราะหากล่าช้าออกไป จะยิ่งมีผลกระทบตามมามากมาย

อย่างไรก็ดีที่น่าสนใจก็คือ ยิ่งใกล้ถึงวันที่คาดว่าจะมีการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญใกล้เข้ามาเท่าใด แรงกดดันและเสียงวิจารณ์ก็ยิ่งมีมากขึ้น บางคน บางฝ่ายมีการชี้นำและวินิจฉัยคดีกันไปล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว

แต่ที่น่าแปลกประหลาดมากไปกว่านั้นก็คือ ฝ่ายที่เป็นคนยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนี้ เนื่องจาก“สงสัย” ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาครบ หรือเกิน 8 ปีแล้วหรือไม่ กลับไม่รอคำวินิฉัยของศาล แต่กลับมาใช้วิธีกดดัน เรียกร้องให้ลาออก หรือกดดันชี้นำศาลต่างๆ นานา

ขณะเดียวกัน ยิ่งใกล้วันดีเดย์เข้ามากเท่าใด ก็ยิ่งมีการปล่อยข่าว เจตนา“หลุดเอกสาร” คำชี้แจงออกมาให้เห็นเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้ก็เป็นเอกสารที่ “อ้างว่า” เป็นคำให้การของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 หลุดออกมา โดยสรุปแบบเข้าใจสั้นก็คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี พ.ศ.2560 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 ตามที่ปรากฏในพระบรมราชโองการ ในวรรคห้า ไม่อาจบังคับย้อนหลังได้ ต้องกำหนดความต่อเนื่องของรัฐบาล ระหว่างรัฐธรรมนูญปี 2557 กับ รัฐธรรมนูญปี 2560 เพราะประเทศไม่อาจว่างเว้นการมีคณะรัฐมนตรี เพื่อบริหารประเทศได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีบทเฉพาะกาล เพื่อกำหนดให้การบริหารราชการแผ่นดินสามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่ติดขัด และมีบทบัญญัติผ่อนปรนเกี่ยวกับคุณสมบัติและการปฏิบัติหน้ที่บางประการไว้ให้เป็นการเฉพาะ จึงมีผลให้เริ่มนับตั้งแต่บัดนั้น คือ วันที่ 6 เมษายน 2560 เป็นต้นไป และวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรศสี่ จึงไปสิ้นสุดที่เดือนเมษายน 2568 ซึ่งหากรัฐบาลชุดนี้อยู่ครบวาระในปี 2566 ก็ทำให้เหลือเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯในวาระไม่เกิน 8 ปี ยังเหลืออีกราวสองปี

ขณะเดียวกันล่าสุด เมื่อวันที่ 7 กันยายน ก็มีเอกสารหลุดออกมาอีก แต่คราวนี้ อ้างว่าเป็นเอกสารคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเอกสารดังกล่าว มีทั้งสิ้น 23 หน้า ชี้แจงรายละเอียดเป็นข้อๆ ทั้งสิ้น 8 ข้อ ดังนี้

1.ยืนยันว่าการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี จากปี 2557 นั้น ไม่ถูกต้อง เนื่องจากตนเป็นนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง ครั้งแรก ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ด้วย ซึ่งต่อมาเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ ตนก็ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 จนมีการเลือกตั้ง และได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งผู้ร้องไม่อาจนำระยะเวลาการเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ได้เพราะรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 สิ้นผลบังคับใช้ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ และการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของตนตามพระบรมราชโองการ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2557 เป็นอันสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 ด้วยเช่นกัน การสิ้นสุดดังกล่าวส่งผลให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของตนครั้งแรก จึง ”ขาดตอน” จากวันที่รัฐธรรมนูญ2560 บังคับใช้ (6เม.ย.2560) จึงไม่อาจนับรวมระยะเวลา การเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก กับการเป็นนายกรัฐมนตรีหลังรัฐธรรมนูญบังคับใช้ได้

ส่วนการดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. หลังรัฐธรรมนูญบังคับใช้นั้น เป็นการดำรงตำแหน่งตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ หลังการเลือกตั้งในปี2562 ดังนั้น การเป็นนายกรัฐมนตรี หลังรัฐธรรมนูญบังคับใช้ จึงเป็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ตามบทเฉพาะกาล และได้ขาดตอนจากการเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกไปแล้ว

2. การกำหนดระยะเวลา 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรค4 เป็นการกำจัดสิทธิทางกฎหมาย ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติโดยชัดแจ้ง ว่าหมายรวมถึงความเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญอื่น และโดยหลักตีความทางกฎหมายแล้ว หากรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ชัดเจน จะตีความในทางจำกัดสิทธิบุคคลไม่ได้ ซึ่งตรงกับแนวทาง ของคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะพิเศษ ที่ตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2565 มาเพื่อพิจารณากรณีวาระ8ปีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาที่มีตำแหน่งเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 7 คน ได้แก่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ,นายนรชิต สิงหเสนี ,นายธิติพันธ์ เชื้อบุญชัย ,นายประพันธ์ นัยโกวิท ,นายปกรณ์ นิลประพันธ์ ,นายอัชพร จารุจินดา และนายอุดม รัฐอมฤต

โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาทั้ง 7 คน เห็นว่าบทบัญญัติ กำหนดวาระ 8 ปี ดังกล่าว หมายถึงนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 เท่านั้น

3. ศาลรัฐธรรมนูญ เคยมีคำวินิจฉัยถึงสถานะความเป็นรัฐมนตรี เมื่อปี 2562 และ 2561 เกี่ยวกับความเป็นรัฐมนตรีของ ว่า คณะรัฐมนตรี ที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญปี 2560 บังคับใช้ถือเป็นรัฐมนตรี นับจากวันที่รัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ และต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560

4. ยืนยันว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตน ไม่ขัดกับหลักมาตรฐานสากลและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเพราะการจำกัดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของผู้นำประเทศ ตามมาตรฐานสากล เป็นส่วนหนึ่งของหลักนิติธรรม ไม่ปล่อยให้ผู้มีอำนาจอยู่แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยาวนานเกินไป ไม่ปล่อยให้คนทุจริต มีอำนาจทำการทุจริตได้อย่างไม่มีข้อจำกัด และข้กำหนดนี้มิใช่ทำเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

“ข้าพระเจ้าเชื่อโดยสุจริต บนพื้นฐานของหลักกฎหมาย หลักนิติธรรมและมาตรฐานสากลว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของข้าพเจ้าในปัจจุบันยังไม่เกิน 8 ปีตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพราะไม่อาจนำระยะเวลาการเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ 2557 ซึ่งสิ้นสุดลงไปแล้ว มานับรวมกับนายกรัฐมนตรีหลังรัฐธรรมนูญปี 2560 บังคับใช้ได้

5. บันทึกการประชุมของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่ 500 เมื่อปี 2561 ที่ระบุความเห็นของนายมีชัย ฤชุพันธ์ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ว่า สามารถนับรวมระยะเวลาก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ได้นั้น พบว่า เอกสารดังกล่าวไม่ใช่บันทึกเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงบทสนทนาของนายมีชัย กับนายสุพจน์ ไข่มุก เท่านั้น

6. ข้ออ้างที่ระบุ ว่า ข้าพเจ้าไม่เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ป.ป.ช. ว่า เป็นนายกรัฐมนตรีมาต่อเนื่องนั้น ไม่สามารถนำมาพิจารณาเป็นเรื่องเดียวกันได้

7. ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องตีความและใช้รัฐธรรมนูญ วินิจฉัยลักษณะและลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายไม่ใช่ตามข้อเท็จจริงรับรู้โดยทั่วไปของประชาชน เพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญเพราะการรับฟังข้อเท็จจริงที่รู้กันโดยทั่วไป เป็นหลักที่ใช้ในการฟังพยานหลักฐานของศาลเท่านั้น ไม่ใช่หลักกฎหมายที่ใช้ในการตีความกฎหมาย

8. ขอกล่าวโดยสรุปว่า การกล่าวหาว่า ตนดำรงตำแหน่งมาครบ 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 เกิดจากความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายของผู้ร้อง และขอย้ำว่า การนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่อาจนับ จากการเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อปี 2557 ได้ เพราะความเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกของข้าพเจ้าได้สิ้นสุดลงแล้ว และขาดตอนไปแล้ว นับจากวันที่ 6 เม.ย. 2560 ซึ่งเป็นวันที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้และการกำหนดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกไม่เกิน 8 ปีนั้นหมายถึงการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 เท่านั้น ไม่ได้หมายรวมถึงการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญอื่น ดังนั้น ข้อกล่าวหาของผู้ร้อง ยังไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและตามหลักนิติธรรม จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของข้าพเจ้ายังไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 2560 และตามข้อกล่าวหาของผู้ร้อง ขอยื่นแก้ข้อกล่าวหา ลงชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นั่นเป็นเรื่องว่าด้วย “เอกสารหลุด” ซึ่งเชื่อว่าเป็นการ “จงใจ” ให้หลุดออกมา แม้ว่านาทีนี้ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยออกมา ฝ่ายหนุน หรือฝ่ายตรงข้าม พล.อ.ประยุทธ์ หรือ “ฝ่ายเดียวกัน” ที่ได้จะประโยชน์หาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ และหากพิจารณาจากเอกสารที่อ้างว่าเป็นของ นายมีชัย นั้นก็ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯได้จนถึง “วันที่ 6 เมษายน 2568 “ หรืออีกกว่า 2 ปี และหากย้อนรอยคำพูดนี้ก็น่าจะจำกันได้ว่า “ใครเคยพูด”

ขณะเดียวกันในเอกสารที่อ้างว่าเป็นเอกสารชี้แจง ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยืนยันว่าต้องนับวาระตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แม้ไม่ลงรายละเอียดว่า เริ่มนับหลังจากที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ หรือว่า เริ่มนับหลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง เพียงแต่ยืนว่าไม่ใช่นับจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2557 อย่างแน่นอน

ดังนั้น ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นที่ล้วนมาจากความ “จงใจ” ที่สร้างขึ้นมา อาจเป็นไปได้ทั้งจากฝ่าย “กองหนุน” และ “กองแช่ง” เพื่อหวังผลทางการเมือง สร้างความกดดันชี้นำ หรือเจตนาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ทั้งที่ต้องรอฟังคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดออกมาเท่านั้น ไม่ว่าจะจบแบบไหนก็ไม่ควรวุ่นวายเลยเถิด !!

ซื้อของออนไลน์ที่ shopee ช้อปสินค้าง่ายๆ ราคาถูก มีโปรโมชั่นมากมาย ☆ShopeeMall สินค้าของแท้ 100% คืนง่ายใน 15 วัน ส่งฟรีทั่วไทย.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/gNwpjR1
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home