นายกฯคนละครึ่ง! เด็กพปชร.ชง‘หมดที่ลุงตู่สู่ลุงป้อม’/กั๊กปรับครม.เก้าอี้ชายอุ๋ย
.vce-row-container .vcv-lozad {display: none}
นายกฯ ส่ายหัวข่าวพลังประชารัฐจีบ “ปรีดิยาธร” เป็น หน.เศรษฐกิจ แต่ “ประวิตร” เอ่ยปากชมเป็นคนเก่ง สัมพันธ์ปึ้ก “ส.ส.เมืองคอน” โต้พปชร.กระแสตก ผุดไอเดียผู้นำคนละครึ่ง “หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม” นักการเมืองเรียงแถวตบปาก “ปิยบุตร” ลั่นเอา ม.112
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ แต่ไม่ปรากฏรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกฯ ทะเบียน 4 กต 29 กรุงเทพมหานคร ที่นายกฯ นั่งประจำ มีเพียงรถจักรยานยนต์นำขบวนและรถติดตามของทีมรักษาความปลอดภัยเท่านั้น อีกทั้งขบวนรถเมื่อมาถึงทำเนียบรัฐบาลได้วนไปจอดที่ด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้าทันที ซึ่งโดยปกติขบวนรถของนายกฯ จะมาจอดส่งนายกฯ ที่ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าก่อน
ทั้งนี้ คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีเปิดเผย ว่า รถยนต์ประจำตำแหน่งนายกฯ เสียระหว่างทาง มีอาการเกียร์ผิดปกติ นายกฯ จึงเปลี่ยนมานั่งรถยนต์ของทีมรักษาความปลอดภัยเข้ามาทำเนียบฯแทน และไม่ได้ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าในทางขึ้นด้านหน้าเหมือนทุกครั้ง แต่มาลงรถและเดินขึ้นด้านหลังตึกไทยฯ ซึ่งเป็นที่จอดขบวนรถนายกฯ ด้วย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 2/2565 โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงความชัดเจนการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีกระแสข่าว ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี จะมานั่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถามพร้อมส่ายศีรษะ และเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวถึงกรณีนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พปชร. ระบุว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล มีคุณสมบัติเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พปชร.ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร แต่ยอมรับว่าเป็นคนเก่ง แต่ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ เพราะไปพูดก็ยังไม่รู้ว่าจะมาหรือไม่ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างตนกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ก็ดีกัน พูดคุยกันตลอด
เมื่อถามกรณี ม.ร.ว.ปรีดิยาธรให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่านายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เพื่อนของ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มีมรดกเป็นนาฬิกาหรู พล.อ.ประวิตรตอบว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธรจะไปรู้ได้อย่างไร เพราะเป็นมรดกของนายปัฐวาท และไม่ได้ลงในบัญชีมรดก เพราะไม่มีใบสำคัญต่างๆ เป็นเรื่องของมรดกที่ให้ลูก การที่เอามาให้ยืมจึงไม่ใช่ปัญหา และผู้จัดการมรดกไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง เมื่อถามย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร มีปัญหากันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซุบ๊กถึงเรื่องดังกล่าวว่า หม่อมอุ๋ยเคยเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนแรกยุค คสช. แล้วถูกปรับออกแบบจบไม่สวย หลังจากนั้นแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์หลายรอบ เปิดชื่อมาแบบนี้จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่แม่ไม้มวยไทยเรียกว่าบาทาลูบพักตร์ ลูบหน้านายกฯ โดยตรง
ชู ‘หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม’
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาแสดงความกังวล พล.อ.ประยุทธ์จะออกพระราชกำหนดกู้เงินอีก 1 ล้านล้านบาทเพื่อการเมืองว่า พรรคเพื่อไทยอาจเข้าใจผิด เพราะสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้ มีแต่มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศไทย และเกิดประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนในทุกมิติ คำว่ามรดกบาปที่ ส.ส.คนดังกล่าวพูด จึงน่าจะใช้กับหนี้โกงจำนำข้าวหลายแสนล้านบาทที่ประชาชนคนไทยที่สุจริตต้องรับกรรมมาชดใช้แทนคนทุจริตหนีไปต่างประเทศ และยังน่าจะหมายถึงอดีตนายกฯ ที่สร้างปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน พยายามปิดบังและเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม
นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช และกรรมการบริหารพรรค พปชร. เปิดเผยว่า ขณะนี้ พปชร.มีการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ ที่เคลื่อนไหวกันคึกคัก เพียงแต่เราไม่จำเป็นต้องบอกใคร เรียกว่าซุ่มซ้อม มีการจัดเตรียมโครงสร้าง ลงพื้นที่กันแบบ 100% ส่วนเรื่อง ส.ส.ย้ายพรรคเข้า-ออกถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ยืนยันว่า พปชร.มีคนสมัครเข้าจนล้น กระแสที่มองว่าพรรคตกต่ำเป็นเพราะวิพากษ์วิจารณ์กันไปเอง และเชื่อไปเอง
นายรงค์กล่าวว่า จริงอยู่ว่าคนอาจจะเบื่อบ้างเพราะอยู่นานแล้ว แต่คนที่ชอบก็มี สำหรับคนใต้ในฐานะตนเป็นคนพื้นที่ เขายังเชื่อมั่นศรัทธา พปชร. เพราะคนใต้รักใครรักจริง และรักสถาบัน พล.อ.ประยุทธ์เด่นชัดในเรื่องนี้ จึงยังเป็นที่นิยมศรัทธาของชาวใต้ เป้าหมายได้ ส.ส.ภาคใต้ 20 คน และทั่วประเทศ 150 คน ของ พปชร.ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
กรรมการบริหารพรรค พปชร.ระบุว่า เรื่องการเมืองต้องนิ่ง แต่ต้องเตรียมพร้อมทั้งหมด ยืนยัน พปชร.จะส่งผู้สมัคร ส.ส.ครบทั้ง 500 คน เราไม่ได้มึนงงสับสนอย่างที่วิจารณ์กัน แต่เรายืนทะมึน สง่าน่าเกรงขาม เรายืนทะมึนท่ามกลางฝุ่นตลบ ที่เรานิ่งเราเงียบอย่าคิดว่าเราไม่ทำอะไร จริงๆ แล้วเราทำเพียงแต่ยังไม่เปิดเผยเพราะยังไม่เป็นมติ กก.บห. หัวหน้าพรรคทำสิ่งเหล่านี้กันอยู่
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ได้แค่อีกสองปี นายรงค์ตอบว่า เรากำลังพัฒนาพรรคให้เป็นพรรคต่อเนื่อง ไม่ใช่ผูกติดกับ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเดียว ถ้า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้ 2 ปี 2 ปีหลังเราต้องมีตัวแทนขึ้นมาให้พรรคมีความต่อเนื่อง
“ถ้า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้ 2 ปี เราต้องมีกลไกที่จะอธิบายได้ ‘หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม’ ก็ได้ ไม่ได้เป็นปัญหาในการรับช่วงทางการเมืองภายใต้การเลือกตั้งของประชาชน เพื่ออธิบายให้ประชาชนเห็นว่าเราพร้อมบริหารประเทศในระบบประชาธิปไตย 2 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์”นายรงค์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 27 ต.ค. เวลา 15.00 น. พปชร.จะมีการประชุมเพื่อสรุปผลงานพรรค และสรุปผลการทำงานของสมาชิกประจำเดือน อย่างไรก็ดี วันที่ 22 ต.ค.นี้ ในส่วนของ พล.อ.ประวิตร มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจและติดตามการขับเคลื่อนด้านการพัฒนาและด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ จ.ยะลาและปัตตานี โดยจะไปติดตามการแก้ปัญหาแรงงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดตามผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) และเป็นประธานเปิดป้ายสถาบันภาษานานาชาติจังหวัดชายแดน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. โพสต์ภาพร่วมรับประทานข้าวกับนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นักการเมืองจังหวัดสมุทรปราการ และแกนนำกลุ่มปากน้ำ พร้อมลูกชายและลูกสาวทั้งคู่ เป็นการดีลทางการเมืองหรือไม่ว่า ตนไม่ทราบ แต่เขารู้จักกันอยู่แล้ว เพราะลูกของทั้งคู่เป็นแฟนกัน
นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ต.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. เตรียมจุรินทร์ออนทัวร์ ลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยมีภารกิจสำคัญคือเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคครบทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายชวพล วัฒนพรมงคล รองนายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร, เขต 2 นายภูดิส แก้วตระกูลโชติ อดีตรองนายก อบต.ท่าทราย, เขต 3 นายธนวัฒน์ ทองโต ทนายความ และ เขต 4 นายนิติรัฐ สุนทรวร อดีต ส.ส.ปชป.
ไล่ปิยบุตรไปอยู่ประเทศอื่น
วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. กล่าวถึงกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ระบุว่านักการเมืองและพรรคการเมืองเห็นแก่ตัว กรณีแสดงจุดยืนไม่แก้มาตรา 112 ว่า เพราะนักการเมืองเข้าใจดีว่าหน้าที่ของ ส.ส.นั้นคืออะไร และการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนอยู่แล้ว ถ้าตรรกะง่ายๆ แค่นี้นายปิยบุตรยังไม่เข้าใจ ก็ไม่สมควรเป็นคนไทย หรือถ้าหากไม่พอใจก็ออกจากประเทศไทยไปได้ ไม่มีใครว่าอะไร แต่ไม่ควรมาปลุกปั่นยั่วยุให้สังคมเข้าใจตรรกะผิดๆ ของตัวเอง จนกลายเป็นความสับสนวุ่นวายในสังคม
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ตำหนินักการเมืองและพรรคการเมือง เห็นแก่ตัวในการแสดงจุดยืนไม่แก้มาตรา 112 ว่า นายปิยบุตรอยากแสดงจุดยืนแก้ไขมาตรา 112 ถือเป็นเรื่องของนายปิยบุตรเอง แต่ไม่ควรไปพาดพิงนักการเมืองคนอื่นให้แสดงจุดยืนเรื่องนี้ ตนเองมั่นใจว่านอกจากนักการเมืองพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า นักเคลื่อนไหวสามนิ้ว ไม่มีใครที่อยากจะแก้มาตรานี้ เพราะคนส่วนใหญ่คิดดีกับสถาบัน มีแต่คนที่คิดไม่ดีเท่านั้น ถ้านายปิยบุตรรับไม่ได้กับกฎกติกาของบ้านเมือง สิ่งที่ดีที่สุดคือ ย้ายไปอยู่ประเทศอื่น
นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ขอแนะนำ รัฐบาล นำโดย พล.อ.ประยุทธ์จะต้องจัดการกับกลุ่มคนที่จาบจ้วงล่วงละเมิดต่อสถาบันเบื้องสูงอย่างเด็ดขาด อย่าให้เป็นเยี่ยงอย่าง โดยเฉพาะหน่วยงานฝ่ายปกครองจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด พรรคเพื่อชาติไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะต้องอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป เรื่องการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 พรรคเพื่อชาติไทยไม่เห็นด้วยและคัดค้านเต็มที่
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า พรรคไม่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 เนื่องจากประวัติศาสตร์ชาติไทยมีมาอย่างยาวนานถึง 865 ปี จนกระทั่งปัจจุบันไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงต้องมีกฎหมายคุ้มครองประมุขของรัฐในรัฐธรรมนูญ ไม่ต่างจากประเทศอื่น หากไม่มีมาตรา 112 หรือกฎหมายปกป้องกันคุ้มครองพระมหากษัตริย์ จะทำให้เกิดช่องว่างเปิดให้ผู้ไม่หวังดีชี้นำประชาชน เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองอื่นตามต้องการ และเกิดความสั่นคลอนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จนอาจเกิดสงครามความคิด การเมือง และสงครามกลางเมืองในอนาคต
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี แกนนำพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค. แกนนำพรรคได้ประชุมถึงการกำหนดนโยบายเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง เบื้องต้นนโยบายที่จะใช้หาเสียงประเด็นหลักคือ การพลิกฟื้นโครงสร้างเศรษฐกิจที่ทำได้จริง ทั้งทางด้านพลังงาน การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นนโยบายใหม่ที่ไม่ซ้ำกับพรรคการเมืองใด ส่วนในรายละเอียดของนโยบายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำ ซึ่งต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินทุนที่จะดำเนินการ และต้องแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยการแถลงนโยบายดังกล่าวอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเป็นช่วงปลายปี 65
นายนริศ เชยกลิ่น รองหัวหน้าพรรคและโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ออกมากล่าวถึงกระแสข่าวการรวมกับพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ว่า สอท.ยืนยันว่าพรรคไม่มีแนวคิดเช่นนั้นแต่อย่างใด หากพรรคจะร่วมมือกับใครจะต้องให้เกิดพลังทางการเมืองเพื่อประโยชน์ในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง หากจะมีการรวมกันจำเป็นต้องเห็นตรงกันในอุดมการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจน รวมถึงแนวทางการทำงาน ขอยืนยันว่าขณะนี้พรรคยังไม่มีข้อตกลงที่จะรวมพรรคกับพรรคใดๆ ทั้งสิ้น
ขณะที่นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รองหัวหน้าพรรค ทสท. กล่าวว่า จุดยืนของพรรคเราอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น แต่พรรคการเมืองต้องพูดคุยกัน รบไปเจรจาไปมีให้เห็นตลอด แต่จะบอกคนที่เดินร่วมอุดมการณ์กันมาว่าเราทำการเมืองในรูปแบบของเรา อนาคตจะเป็นอย่างไรเป็นเรื่องของอนาคต แต่ใครจะมารวมมาร่วมกับเราเชิญ แต่เราไม่เปลี่ยนตัวตน ไม่เป็นที่ยืนให้เผด็จการ และรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแน่นอน หากจะให้ปรับเปลี่ยนจุดยืนหรืออุดมการณ์เราขอไม่ทำเช่นนั้น.
The post นายกฯคนละครึ่ง! เด็กพปชร.ชง‘หมดที่ลุงตู่สู่ลุงป้อม’/กั๊กปรับครม.เก้าอี้ชายอุ๋ย appeared first on .
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/um7TgSe
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home