Friday, October 28, 2022

ตากใบ-กรือเซะ กลับมาหลอน ทักษิณ !!



เมืองไทย 360 องศา

จะเป็นด้วยสาเหตุ “ปากพาจน” หรือมาจากนิสัยดั้งเดิมหรือเปล่าก็ไม่อาจคาดเดาได้ถูกต้อง สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร หรือ แม้ว” หรือในชื่อฝรั่งยุคใหม่เรียกขานว่า “โทนี่ วู้ดซั่ม” เพราะจากเหตุการณ์ “ตากใบ” เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 85 ราย จากการถูกบังคับให้นอนซ้อนทับกันในรถบรรทุกทหารขณะถูกควบคุมตัว หรือเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่ “มัสยิดกรือเซะ” เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 ที่มีคนตายถึง 34 ศพ

หรือหากย้อนไปอีกนิดหนึ่งก็ต้องไปดูเหตุการณ์ “ปล้นปืน” จำนวน 413 กระบอก จากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ต.ปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 เหตุการณ์ครั้งนี้มีทหารเสียชีวิต 4 นาย
ทุกเหตุการณ์ล้วนมีสาเหตุและปลายเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการสรุปว่าเป็น “ความผิดพลาดด้านนโยบาย” และแนวทางการปฏิบัติสั่งการจากรัฐบาลในขณะนั้น ยังอยู่ภายใต้การนำของนายทักษิณ ชินวัตร และแม้ว่าจากความผิดพลาดดังกล่าวนำมาสู่เหตุการณ์รุนแรงบานปลาย ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องร้อนระอุ มีการคาดการณ์กันว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ มีผู้เสียชีวิตรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 5 พันศพ และบาดเจ็บอีกร่วมหมื่นคน ความแตกแยกขยายวงกว้างเรื่อยมา

แต่ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เพิ่งจะเอ่ยคำขอโทษ แต่ขณะเดียวกันกลับไม่แสดงความรับผิดชอบ กลับโบ้ยความผิดไปให้คนอื่นรับไปเต็มๆ คนเดียว โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมไปถึงการอ้างว่า “มีกลุ่มทหารไม่ชอบเขาที่สร้างสถานการณ์ เพื่อนำไปสู่การรัฐประหาร” ว่าเข้าไปนั่นเสียอีก

จากคำพูดที่ว่า “โจรกระจอก” หลังจากคนร้ายลอบวางระเบิดที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544 ที่เขาระบุว่า “ไม่มีการแบ่งแยกดินแดน ไม่มีผู้ก่อการร้ายอุดมการณ์ มีแต่โจรกระจอก” และจากเหตุการณ์ปล้นปืน จากกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ว่า “สมควรตาย” พร้อมๆ กับการใช้วิธีการที่เขาบอกเองว่า ใช้วิธีการ “แบบตำรวจ” และใช้นโยบาย “กำปั้นเหล็ก” มีการยุบเลิกศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และศูนย์ พตท.43 ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วให้อำนาจขึ้นตรงกับ “ผู้ว่าซีอีโอ” ตามแนวทางของนายทักษิณ ในรัฐบาลขณะนั้น

จะว่าไปแล้วเหตุการณ์ครั้งนั้นทำท่าจะค่อยๆเงียบไปแล้ว อาจมีบ้างที่บางปีจะเกิดเหตุรุนแรงมีการก่อเหตุในช่วงครบรอบในวันที่ 25 ตุลาคม แต่ปีนี้อาจพิเศษหน่อยตรงที่ นายทักษิณ ชินวัตร เกิดให้สัมภาษณ์ออกรายการในคลับเฮาส์ “กลุ่มแคร์” เครือข่ายของเขา กลับจดจำเหตุการณ์ขึ้นมาได้อย่างละเอียด ผิดกับเมื่อปี 2564 ที่ครั้งนั้นเมื่อถูกถาม เขากลับบอกว่า “จำไม่ค่อยได้” แต่ปีนี้เล่าเป็นฉากๆ โยนให้ฝ่ายทหารรับไปเต็มๆ อ้างทำนองว่า “ทำกันเอง” เขาไม่รู้เรื่อง พร้อมกับโบ้ยให้ไปถาม “บิ๊กป้อม” ที่เป็นผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น และบอกอีกว่าเป็นเพราะทหารที่ไม่ชอบเขาวางแผนสร้างสถานการณ์ก่อรัฐประหาร ว่ากันไปโน่น

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ที่ว่านี้ทำท่าจะไม่จบสวยๆ แน่นอน เมื่อล่าสุด นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกนายทักษิณ ชินวัตร ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท จากสาเหตุที่ นายชวน ไปบรรยายเกี่ยวกับเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ และตากใบ เมื่อปี 2555 และคดีจะหมดอายุความในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ แต่นายชวน ได้เร่งรัดให้ฟ้องร้องก่อนคดีหมดอายุความในสามวัน ล่าสุดได้มีการส่งฟ้องแล้ว เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา และมีการมอบหมายให้ทนายความดำเนินการต่อสู้คดี

ก่อนหน้านั้น นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีมอบหมายให้ นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา เป็นทนายความติดตามคดีที่ถูกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาท กรณีบรรยายพาดพิงเกี่ยวกับความรุนแรงในเหตุการณ์กรือเซะ – ตากใบ เมื่อปี 2555 ว่า คดีดังกล่าวจะหมดอายุความ ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ แต่คดียังอยู่ที่สถานีตำรวจ ยังไม่มีหมายเรียกมาถึงตน ดังนั้นถ้าตนต้องรอหมาย คดีอาจจะขาดอายุความได้ และจะส่งผลให้ตำรวจและอัยการเสียหาย


ส่วนตัวถือหลักว่า ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน จึงได้ขอให้นายราเมศ ประสานตำรวจและอัยการ และขอให้อัยการดำเนินการฟ้องร้องตนเอง เพื่อไม่ให้อายุความขาด และเมื่อตนถูกกล่าวหาก็มีหน้าที่สู้คดีไปตามกระบวนการ ทำให้ขณะนี้อัยการมีการสั่งฟ้องเป็นที่เรียบร้อย และได้มีการพิมพ์ลายนิ้วมือในฐานะผู้ถูกกล่าวหาแล้ว

นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาที่ยังไปไม่ถึงตนนั้น เพิ่งได้รับรายงานเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาว่า หมายดังกล่าวเพิ่งไปถึงที่บ้านที่จังหวัดตรัง

“สิ่งสำคัญที่สุดในระบอบประชาธิปไตย ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย และทุกคนต้องรับผิดชอบ ผมเป็นคนพูดอะไรพูดตรง ไม่พูดอะไรที่ไม่จริง และเมื่อพูดแล้วก็ต้องรับผิดชอบกับคำพูด เมื่อมีคดีเกิดขึ้นก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย” นายชวน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ายังยืนยันว่าที่เกิดขึ้นกรณีกรือเซะ-ตากใบ เป็นความผิดพลาดของรัฐบาลในขณะนั้นจริง ใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เรื่องที่ฟ้องร้องเป็นเรื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นนโยบายการแก้ไขปัญหาในสมัยนั้น มีการใช้คำพูดเรียกว่า โจรกระจอก ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนยืนยันหลายครั้ง ว่าเป็นความผิดพลาดที่นำไปสู่ความสูญเสียครั้งสำคัญจนมาถึงทุกวันนี้ แต่ทั้งหมดเนื่องจากเมื่อเป็นคดีความแล้ว ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคดี

กลายเป็นว่าแทนที่จะปล่อยให้หมดอายุความ แต่นายชวน กลับต้องการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลว่า สิ่งที่ตัวเองพูดว่าเหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดจาก “ความผิดพลาด” ในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในยุคนั้น (นายทักษิณ ชินวัตร) จนทำให้สถานการณ์บานปลายเกิดความสูญเสียตามมามากมาย ซึ่งเมื่อทุกอย่างเข้าสู่ชั้นศาล ก็ต้องมาพิสูจน์กันว่าผลสรุปจะออกมาแบบไหน

แต่เหตุการณ์ทั้งกรณี “ตากใบ-กรือเซะ” ยังต้องกลายเป็นภาพหลอนกับ นายทักษิณ ชินวัตร ตลอดไป แม้ว่าจะพยายามกลบเกลื่อนแบบไหนก็ตาม เหมือนกับคราวนี้ ที่พยายามโยนความผิดให้คนอื่น พร้อมกับหวังผลทางการเมือง แต่กลายเป็นว่า ทุกอย่างกำลังกลับย้อนเข้ามาตัวเอง หลังจากที่คดีในศาลต้องดำเนินต่อไป และพิสูจน์ความจริงออกมาให้เห็นความผิดพลาด !!

ซื้อของออนไลน์ที่ shopee ช้อปสินค้าง่ายๆ ราคาถูก มีโปรโมชั่นมากมาย ☆ShopeeMall สินค้าของแท้ 100% คืนง่ายใน 15 วัน ส่งฟรีทั่วไทย.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/Motbfiy
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home