Sunday, January 1, 2023

ป้อมย้ำสัมพันธ์ตู่ไม่ใช่คู่แข่ง กกต.ของบ5พันล้านเลือกตั้ง



“พี่ป้อม” ย้ำสัมพันธ์ปึ้กกับ “น้องตู่” ไม่ใช่คู่แข่งชิงเก้าอี้นายกฯ แต่ทางการเมืองใครดีกว่าก็ได้เป็น

“วราวุธ” เชื่อหลังปีใหม่หลายพรรคชัดเจน ชทพ.ขอไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง ลั่นรักษาที่มั่นสุพรรณฯ สุดกำลัง “ปธ.ชวน” คาดยุบสภาก่อนครบวาระสัปดาห์เดียว “พรเพชร” ยันทำงานอิสระไร้คนบงการ  กกต.ของบ 5 พันล้านจัดเลือกตั้ง รอยอดประชากรปี 65 ก่อนเคาะเขตเลือกตั้ง ส.ส.

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แยกไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า “ตรงนี้ไม่ทำให้การวางตัวและการทำงานลำบาก ยังไงก็เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม เพราะอยู่กันมา 40-50 ปี เราก็ดูแลกันมา ส่วนเรื่องของการเมืองก็เป็นการเมือง เรื่องของส่วนตัวก็เป็นเรื่องของส่วนตัว เรื่องของพี่น้องก็เป็นเรื่องของพี่น้อง ไม่มีปัญหาอะไร ยังรักกันเหมือนเดิม ไม่มีความขัดแย้งอะไรกัน เพราะว่าพรรค พปชร.ต้องการก้าวข้ามความชัดแย้งทั้งหมด ไม่ให้มีความขัดแย้งเลย ซึ่งเรื่องความขัดแย้งจะเป็นหัวใจสำคัญในการเดินหน้าของพรรค เพราะพรรคต้องการก้าวผ่านความขัดแย้งทั้งหมด ผมจะไม่ขัดแย้งกับใคร และที่ผ่านมาก็ไม่เคยทะเลาะกับใคร”

ส่วนกรณีลูกพรรคออกมาหนุนให้หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็น ถึงแม้จะมีสมาชิกพรรคเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็ตาม เพราะต้องรอการประชุมพรรคก่อน

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้รับการสนับสนุนจากพรรค รทสช.ให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ เช่นกัน ตรงนี้จะถือว่าเป็นคู่แข่งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวย้ำว่า   “พล.อ.ประยุทธ์ถือเป็นน้อง ไม่ถือว่าคู่แข่งกัน แต่ถ้าทางการเมือง ใครทางการเมืองดีกว่า คนนั้นก็เป็นไป ไม่มีปัญหา อีกทั้งส่วนตัวผมไม่ขอแสดงความเห็น หากจะได้เป็นนายกฯ เพราะการเป็นนายกฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านขั้นตอนการเลือกในสภา”

หัวหน้าพรรค พปชร.ยังกล่าวถึงการย้ายพรรคของ ส.ส.ในพรรคว่า ไม่กังวลใจ ถือเป็นเรื่องธรรมดาของนักการเมืองที่มีย้ายเข้า-ออก พรรคไหนที่ย้ายไปแล้วสะดวกใจกว่า ได้ผลประโยชน์มากกว่า ก็อยู่ที่นั่น ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่บังคับกันไม่ได้

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการเมืองหลังปีใหม่ว่า  ส.ส.ในสภาจะมีการโยกย้ายพรรค และต้องดูว่าจะมีผลกระทบต่อองค์ประชุมสภามากน้อยแค่ไหน จะก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาหรือไม่ อันนี้ตอบไม่ถูก เพราะที่ผ่านมาการเมืองไทยไม่เคยเกิดสถานการณ์แบบนี้ แต่หลังปีใหม่จะได้เห็นความชัดเจนของหลายๆ พรรคการเมือง ทั้งที่ตั้งใหม่ ควบรวม และที่มีอยู่แล้ว เพราะจะชัดเจนในเรื่องการยักย้ายถ่ายเท ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ของแต่ละพรรค ในส่วนของ ชทพ. มีเข้ามาเพิ่มเป็นระยะๆ อย่างที่ย้ำมาตลอดว่าจะไม่หวือหวาเหมือนพรรคใหญ่ๆ เหมือนพรรคภูมิใจไทย

ชทพ.ขอไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง

นายวราวุธกล่าวว่า เป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น ขอไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง โดยเฉพาะ จ.สุพรรณบุรี ไม่อยากใช้คำว่ามั่นใจ แต่ขอใช้คำว่าไม่ประมาท ถ้าใครจะเข้ามาเราพร้อมรักษาเข็มขัดแชมป์ไว้อย่างสุดกำลังความสามารถ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า พปชร.จะส่งนายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. หลานชายนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค ชทพ. ลงชนในเขตเลือกตั้งเดียวกับนายเสมอกัน เที่ยงธรรม ส.ส.สุพรรณบุรีนั้น เมื่อนายบรรหารไม่อยู่ หลายคนจะมองว่า จ.สุพรรณบุรีเป็นเค้กชิ้นโตที่หลายฝ่ายอาสามาตีเมืองขึ้น จะทำให้สุพรรณบุรีแตก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เราไม่ว่ากัน แต่พูดได้แค่ว่าก็ลองกันสักตั้งหนึ่ง ถ้าคิดว่าทำสำเร็จก็เป็นสิทธิ์ของหลายฝ่ายที่จะคิด แต่สำหรับตน หน้าที่คือปกป้องพื้นที่ของตนเอง จังหวัดที่เป็นฐานสำคัญของพรรค เรายังมั่นใจว่าถ้ามีใครมาเสนอตัวเพิ่มก็ต้องมาแข่งกันหน่อย

สำหรับ จ.นครปฐม ทางตระกูลสะสมทรัพย์ทำงานอย่างไม่ประมาท หลังจากมีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว ตอนนี้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แล้ว ทำงานกันอย่างเข้มแข็ง เชื่อว่าจะยึดพื้นที่ได้ ส่วนจังหวัดใกล้เคียงขอให้จับตาดูในอนาคตว่าจะมีเข้ามาเพิ่มเติมอย่างไร แต่ถ้าจะให้ชัดเจนที่สุดคือ วันที่นายกฯ ประกาศยุบสภา วันนั้นฝุ่นตลบอีกครั้งแน่ 

เมื่อถามว่า นโยบายของ ชทพ.จะไม่นำเสนอแข่งกับพรรคอื่นในเรื่องค่าแรงใช่หรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า เราไม่เก่งเรื่องนั้น แต่ถนัดในการทำงานเรื่องสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก และเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เราอย่าไปสู้ในเรื่องที่เราสู้เขาไม่ได้ แต่ละพรรคมีความเชี่ยวชาญต่างกันไป ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ประเมินว่า ชทพ.จะได้ไม่ถึง 10 ที่นั่งนั้น ไม่อยากพูด เราจดไว้ ที่บอกว่าต่ำสิบก็ดี เพราะการประเมินสูงเราเหนื่อย ประเมินต่ำ ค่อยๆ มา ค่อยๆ ไป มาเร็ว มาแรงไปแรง จะดูว่าทำได้ขนาดไหน ประเมินเท่าไรไม่เกี่ยง หลีกหนีความเป็นจริงไม่ได้ แม้บารมีและพรรษาทางการเมืองสู้หลายคนไม่ได้ แต่หากพูดถึงศักยภาพการทำงาน รับประกันไม่แพ้ใคร ตนทำงานไม่แพ้หัวหน้าพรรคอื่นแน่นอน 

ผู้สื่อข่าวถามถึงช่วงเลือกตั้งกังวลอะไรบ้าง เช่น กติกาใหม่ หัวหน้าพรรค ชทพ.กล่าวว่า เราเคยเจอมาแล้ว ทั้งการเลือกตั้งปี 44 และเลือกตั้งปี 48 ที่ใช้รัฐธรรมนูญ 40 ใช้แนวทางการลงคะแนนแบบนี้ บัตรสองใบ คนกับพรรค จะมีความกังวลว่าบางพื้นที่ที่ไม่ได้ส่งผู้สมัคร จะต้องหาวิธีเพื่อให้ได้คะแนนพรรค ซึ่งจะซับซ้อนมากขึ้น การใช้บัตรเลือกตั้งสองใบทำให้ต้องใช้คะแนนเสียง 3.5 แสน-3.7 แสนคะแนนเพื่อให้ได้ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน ทั้งนี้ พรรคจะส่งไม่ครบ 400 เขต เพราะเปลืองเงินทุน ไม่จำเป็นส่งทุกเขตก็มีสิทธิได้คะแนนทั่วประเทศเช่นกัน โดยการทำรายละเอียดของการส่งผู้สมัครขณะนี้คืบหน้า 60-70% ที่จะส่งลงสมัคร

เมื่อถามว่าจะลุยดีเบตเองหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า จะให้บทบาทของคนรุ่นใหม่ในพรรคเข้ามาช่วยด้วย เพราะการขับเคลื่อนพรรคไม่มีเฉพาะตนเท่านั้น เรื่องดีเบตไม่ต้องพูดถึง ตนรับทุกเวที แต่ต้องผลักดันสนับสนุนน้องๆ ให้มีเวทีทางการเมืองแสดงออกด้วยเช่นกัน 

ทางด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลออกมาตรการแจกของขวัญปีใหม่ 2566 ว่า หากรัฐบาลหวังแจกของขวัญปีใหม่ เพื่อหาเสียงล่วงหน้ามัดจำกับประชาชน คงไม่มีใครตื่นเต้นอะไรด้วย แทนที่จะแจกแล้วปังกลับแป้ก เมื่อมุกแจกของขวัญปีใหม่แป้ก พล.อ.ประยุทธ์ควรรับสภาพ ซึ่งการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ นอกจากจะไม่เกิดขึ้นจริง 3 ป. มาด้วยกันแท้ๆ ยังแตกฉานซ่านเซ็น พรรคการเมืองของ 3 ป. ตักปลาในบ่อพวกเดียวกันแบบไม่เกรงใจกัน ทั้งนี้ประชาชนคงไม่อยากได้ของขวัญปีใหม่อะไรจาก พล.อ.ประยุทธ์แล้ว นอกจากให้ยุบสภา ถอยออกไป เปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกตั้ง ให้ได้รัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหา

ยุบสภาใกล้ครบวาระ

ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการยุบสภาว่า อาจจะเกิดขึ้นช่วงปลายสมัยประชุมสภา หรืออาจจะให้สภาอยู่จนครบ หรือยุบหลังวันที่ 28 ก.พ.2566 ถือว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น หากฝ่ายบริหารประสงค์ให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน ยังมีเวลา เนื่องจากอายุของสภาจะสิ้นสุดวันที่ 23 มี.ค.2566 ดังนั้นมองว่าสภาอาจจะอยู่ทำงานครบ 8 สมัย แต่จะไม่ครบเทอม ในวันที่ 23 มี.ค.2566 ซึ่งการยุบสภาอาจจะเกิดก่อนเพียงสัปดาห์เดียว อย่างไรก็ตาม ยังประเมินสถานการณ์หลังปีใหม่ไม่ได้ เพราะต้องรอดูทิศทางและความพร้อมของแต่ละพรรคการเมืองอีกครั้ง ขณะนี้มีความชัดเจนเฉพาะใครอยู่ที่ไหนเท่านั้น

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า การเมืองหลังปีใหม่เป็นไปตามระบบที่สภาอยู่ครบวาระ อาจจะยุบสภาก่อนเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม กฎหมายที่ผ่านไปนั้นผ่านไปได้ดี ถ้าเทียบกับที่ผ่านมาต้องพูดว่าดีมาก ส่วนความเป็นอิสระของ ส.ว. โดยเฉพาะการโหวตเลือกนายกฯ ยืนยันได้ว่าตนอิสระ ไม่เคยไปสั่งการใคร ทั้งนี้ รู้สึกไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่าลุกไปรับโทรศัพท์รับงานระหว่างทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมร่วมรัฐบาล ทั้งที่ความจริงลุกไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น

เมื่อถามว่า ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา รัฐบาลได้ขอความร่วมมืออะไรมาบ้าง นายพรเพชรกล่าวว่า ไม่มี อาจจะไม่ใช่เป็นการสั่ง แต่เมื่อกฎหมายเข้ามาแล้ว รัฐบาลจะสอบถามมาว่าจะเข้าเมื่อไหร่ เร่งได้หรือไม่ แต่การให้ ส.ว.ลงอย่างไร มีอยู่อย่างเดียวคือเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่เขาไม่ได้มาบอกตน ตนใช้วิจารณญาณเอาเอง

เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรเคยต่อสายโทรศัพท์พูดคุยหรือไม่ ประธานวุฒิสภากล่าวว่า ต่อสายไม่ค่อยมี มีคุยเรื่องอื่น คุยธรรมดา แต่ พล.อ.ประวิตรไม่ได้คุยด้วย ส่วนที่มองว่ามีการแบ่งฝ่าย ส.ว. เป็นของพล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรนั้น ไม่ทราบ แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะคิดเช่นนั้น เพราะ ส.ว.หลายคนเคารพนับถือ พล.อ.ประวิตรตลอดมา อีกด้านหนึ่งก็ทำงานให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ตลอดมา ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญ ส.ว. ต้องวางตัวเป็นกลาง สำหรับตนวางตัวเป็นกลางอยู่แล้ว แต่ใครจะคิดอย่างไรก็คิดได้

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไปในปี 2566 ว่า กกต. ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ได้วางแผนไว้ เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับแก้ไข) มีผลใช้บังคับ กกต.จะเร่งพิจารณาออกระเบียบและประกาศที่สืบเนื่องจาก พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับ ทั้งเรื่องวิธีการสรรหาผู้สมัครไพรมารีโหวต และการจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด

สำหรับการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. ทางสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด เตรียมจัดทำเขตเลือกตั้งตามรูปแบบไว้แล้วอย่างน้อย 3 รูปแบบ โดยยึดตามจำนวนประชากรปี 2564 แต่หากช่วงต้นปีหน้ามีการประกาศจำนวนประชากรปี 2565 จะต้องมีการคำนวณจำนวน ส.ส. ในแต่ละจังหวัดใหม่ และดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.ใหม่ แต่คาดว่าไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาก

“สำหรับงบประมาณจัดการเลือกตั้งได้จัดทำคำขอต่อสำนักงบประมาณเรียบร้อยแล้ว โดยเสนอคำขอไปประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2562 กกต.ของบไป 4,200 ล้านบาท สาเหตุที่มากกว่าเดิม เนื่องจากเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจาก 350 เขตเลือกตั้งเป็น 400 เขตเลือกตั้ง และใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ รวมทั้งจำนวนกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง เพิ่มขึ้นจากหน่วยละ 5 คน เป็นหน่วยละ 9 คน” ประธาน กกต.ระบุ

นอกจากนี้ ในส่วนของการสืบสวนไต่สวนการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ทาง กกต.ได้เตรียมการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดและชุดเคลื่อนที่เร็วไว้ในทุกพื้นที่ รวมทั้งมีชุดปฏิบัติการข่าวทำหน้าที่สืบสวนหาข่าวในพื้นที่อยู่โดยตลอด โดยขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นผู้แจ้งเบาะแสการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งหากการแจ้งเบาะแสนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำผิด จะมีสิทธิ์ได้รับเงินรางวัลตามที่ระเบียบกำหนด และหากบุคคลนั้นถูกข่มขู่หรือคุกคาม ทาง กกต. ได้มีมาตรการคุ้มครองพยานให้ด้วย ดังนั้น ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่า กกต.ได้เตรียมความพร้อมและมีแผนสำหรับรองรับสถานการณ์ไว้แล้ว.

The post ป้อมย้ำสัมพันธ์ตู่ไม่ใช่คู่แข่ง กกต.ของบ5พันล้านเลือกตั้ง appeared first on .

ซื้อของออนไลน์ที่ shopee ช้อปสินค้าง่ายๆ ราคาถูก มีโปรโมชั่นมากมาย ☆ShopeeMall สินค้าของแท้ 100% คืนง่ายใน 15 วัน ส่งฟรีทั่วไทย.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/lAps6gL
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home