หมอหนุ่มต่อสู้มะเร็งปอดระยะสุดท้าย ฝากข้อคิดรุ่นน้อง ทำวันนี้ให้มีความสุข
20 ก.พ.2566-นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อายุ 28 ปี ผู้ก่อตั้งเพจ “สู้ดิวะ” โพสต์ข้อความอีกครั้งระบุว่า สวัสดีครับ
มีเรื่องมาแชร์อีกแล้วครับ ในวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ผมได้รับโอกาสที่สำคัญมากๆ ในการไปพูดคุยกับน้องสวนกุหลาบรุ่น 141 ในวันจากเหย้า หรือวันสุดท้ายของการเป็นนักเรียนมัธยมปลายของน้องสวนกุหลาบ โอเค บรีฟที่ผมได้รับคือให้แนะนำ “วิธีคิดของเราที่จะทำให้น้องเข้าใจตัวเอง และพร้อมเจอกับโลกมากขึ้น” เอาล่ะ ยากมากเลยทีเดียว
ปกติขึ้นเวที ก็จะขึ้นไปสอน มีวัตถุประสงค์การสอนที่ชัดเจน แต่คราวนี้ต้องมาพูดเรื่องตัวเองต่อหน้าชายหนุ่มกว่าห้าร้อยชีวิตที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ชีวิตมหาลัยและการทำงาน พบว่าสิ่งที่ผมจะแนะนำตัวเองในสิบปีที่แล้วเพื่อหวังว่าจะใช้ชีวิตได้ดีขึ้นเนี่ย ส่วนใหญ่มันไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับสิ่งที่น้องจะเอาไปใช้ในสิบปีข้างหน้าของน้องได้เลย เพราะสิบปีที่น้องกำลังจะเจอมันมีความแตกต่างจากสิบปีที่ผ่านมาเยอะมากๆ อย่างน้อยสมัยผมเรียนก็ไม่มี ChatGPT และตอนเข้ามหาลัยก็ไม่ใช่ทุกคนมี smart phone ใช้ ที่สำคัญสุดๆคือ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เรียนรู้มา มันไม่ได้แปลว่ามันจะเหมาะกับชีวิตที่น้องกำลังจะสร้างขึ้นมาเลย นั่งคิดนอนคิดยังไง ก็ไม่กล้าจะไปแนะนำอะไรน้องเลยครับ แต่ผมก็ถูกเชิญมาแล้ว ผมจึงใช้โอกาสนี้ เล่าเรื่องชีวิตตัวเองให้ฟังแล้วกัน ว่าสิบปีที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง วันนี้จะลองสรุปเนื้อหาบางส่วนที่พูดคุยกับน้องสวนกุหลาบ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆครับ
“สวัสดีครับน้อง 141 พี่เองจบสวนกุหลาบรุ่น 131 ครับ สิบปีแล้วครับ สิบปีที่จบจากโรงเรียนนี้ไป ตอนนั้น วันจากเหย้าของพี่ตรงกับวันสัมภาษณ์แพทย์เชียงใหม่ งานจากเหย้าจึงเป็นงานเดียวในชีวิตสวนกุหลาบที่พี่ไม่ได้เข้าร่วม ดังนั้นการได้รับเกียรติได้มาอยู่ในห้องประชุมในวันนี้ก็ถือเป็นการเติมเต็มชีวิตพี่เหมือนกัน พี่ขอใช้เวลาในช่วงแรกไปกับการชวนน้องมาดูสิบปีที่ผ่านมาของพี่แบบเร็วๆก่อนแล้วกัน หลังจากจบจากสวนกุหลาบ พี่ก็ได้มาเริ่มใช้ชีวิตที่เชียงใหม่ เริ่มด้วยชีวิตการเป็นนักศึกษาแพทย์ ซึ่งในส่วนของชีวิตการเรียนหมอเนี่ย ถึงจะเหนื่อยและดูมีเรื่องราวเยอะ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ที่มันดูมีสีสันกว่าคือการที่ได้อยู่ในชมรมบาสเกตบอล เพราะมันคือกลุ่มนักศึกษาแพทย์ที่ยังต้องสอบต้องเป็นหมอให้ได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ แต่ก็ยังจะแบ่งเวลาจำนวนมากในชีวิตมาซ้อมบาสอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อหวังว่าจะเป็นที่หนึ่งในการแข่งบาสระหว่างนักศึกษาแพทย์ด้วยกัน
โอเคพี่ก็เรียนจบแพทยศาสตร์บัณฑิต ได้แชมป์บาสเกตบอลกีฬาเข็มสัมพันธ์ อะไรที่นักศึกษาสักคนนึงจะทำได้ก็ได้ทำหมดแล้วหลังจากเรียนจบก็เป็นหมอ เรียนต่อเฉพาะทาง ระหว่างเรียนเฉพาะทางก็ไปเรียนปริญญาโทวิทยาการข้อมูลอีกใบคู่กันไป
และมาถึงจุดนี้ เรียนจบหมดทุกอย่างแล้วได้ใบปริญญามาเต็มบ้าน แล้วก็มาสมัครเป็นอาจารย์แพทย์ต่อ พี่คุกเข่าขอแฟนแต่งงานแล้วครับ แล้วก็กำลังจะไปเรียนคอร์สสั้นๆที่สวิสเซอร์แลนด์ปลายปีนี้ พี่มีคนรอบตัวที่พร้อมสนับสนุน มีการวางแผนการเงินที่รัดกุม และหน้าที่การงานที่แสนมั่นคง ชีวิตโคตรตรงไปตรงมาเลยครับ ตามตำราชีวิตที่แม่จะเอาไปอวดป้าข้างบ้านได้สบายๆ แล้วพี่ก็เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายครับ
จากที่น้องเห็นก้อนในปอดที่มีขนาดใหญ่พอๆกับหัวใจพี่ และก้อนในหัวที่ใหญ่พอๆกับลูกตาพี่ ไม่น่าเชื่อว่า น้องในห้องที่ไม่ใช่นักศึกษาแพทย์จะสามารถรับรู้ถึงความรุนแรงของโรคได้ จากชีวิตของคนๆหนึ่งที่น้องได้ตามดูตลอดการเล่าเรื่องของพี่ ชีวิตที่ดูจะมีแต่ความเป็นไปได้ไม่จำกัด ชีวิตที่เคยคิดว่าเราจะสามารถทำทุกอย่างที่เราอยากทำได้ สามารถบริหารจัดการชีวิตตัวเองเพื่อมุ่งหน้าสู่เป้าหมายได้อย่างเต็มที่ ร่างกายที่ผ่านการดูแลอย่างยอดเยี่ยมก็ยังมาป่วยเป็นโรคร้ายแบบนี้
จากวันนั้น พี่เอง ได้เรียนรู้เรื่องที่ยิ่งใหญ่แต่เรียบง่ายมากๆ ว่า “เรามีเวลาจำกัด” ก่อนหน้านี้พี่เอาใจไปคิดว่าชีวิตเราจะอยู่ไปได้อีกนาน มุมมองต่อเวลาที่มีคือ คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็มีเวลาเท่ากับเรา ดังนั้นเราต้องทุ่มเทเวลาไปกับการใช้ชีวิตให้ไปถึงความสำเร็จ ต้องบริหารเวลาให้ทำได้ทุกอย่างตามที่เราต้องการ
แต่ที่จริง เวลาในชีวิตเรามีจำกัด และแม้ว่าเราจะสามารถมีแทบทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่เราไม่สามารถมีทุกสิ่งทุกอย่างได้ครับ
เราต้องเลือกบางสิ่ง และยอมสละหลายสิ่งที่เราไม่ได้เลือกไปเสมอเป็นความจริงที่ตรงไปตรงมามาก ว่า “เวลาเราไม่ได้มีมากพอให้เราไปทำหรือมีทุกอย่างในโลก” อย่างการที่น้องเป็นนักเรียนสวนกุหลาบ คือน้องเลือกที่จะไม่ไปเรียนมัธยมที่อื่น
การที่น้องเลือกคบแฟนคนนี้ คือน้องยอมสละโอกาสที่จะได้เจอคนอื่นๆ การที่น้องเลือก ใช้ชีวิตในวันนี้แบบนี้ เป็นการที่น้องเสียโอกาสที่จะใช้มันไปแบบอื่น สิ่งที่น้องเลือกมาแล้ว มันจึงเป็นสิ่งที่พิเศษและสำคัญมากๆ เพราะน้องกำลังสละหลายสิ่งเพื่อให้ได้สิ่งนี้มา
เพราะงั้น สิ่งที่อยู่ตรงหน้าน้อง ณ ตอนนี้ ในช่วงเวลานี้ มันจึงเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุด วันนี้ของน้องเป็นสิ่งเดียวที่น้องมี พี่เชื่อว่าชีวิตเราไม่ใช่เส้น แต่เป็นจุดครับ จุดที่เป็นตัวแทนของแต่ละวัน สุดท้ายจุดของน้องจะต่อกันเป็นเส้นยังไงไม่มีใครรู้ แต่เรามีหน้าที่แค่อยู่กับจุดของแต่ละวันให้เต็มที่ที่สุดครับ
โอเค น้องอาจจะวางแผนอนาคต ซึ่งพี่ก็ทำแบบนั้น แต่ที่พี่เปลี่ยนไปหลังจากป่วยคือ พี่ให้ความสำคัญกับวันนี้ของพี่มากๆ เพราะเอาจริงพี่ไม่รู้หรอกว่าไอ้แผนที่พี่วางไว้ พี่จะตายก่อนไปถึงแผนนั้นหรือเปล่า ดังนั้นพี่จึงให้ความสำคัญกับคนตรงหน้า พี่ไม่ได้กินข้าวไปแล้วคิดว่าจะไปทำอะไรต่อ พี่ไม่ได้ยกมือถือมาถ่ายทุกอย่างเพื่อหวังว่าจะกลับมาดูทีหลัง พี่ไม่ได้เอาแต่รอวันที่ประสบความสำเร็จแล้วค่อยมีความสุข แต่พี่มีความสุขกับวันนี้เลย มีความสุขกับเพื่อนพี่ ที่มานั่งฟังพี่อยู่หลังห้องนั้น เพื่อนสวนกุหลาบที่ไม่ได้เจอกันมาสิบปี
สิบปีที่ไม่มีอะไรการันตีว่าเราจะกลับมาเจอกันอีก พี่โชคดีขนาดไหนที่โรคมะเร็งยังไม่เอาชีวิตพี่ไป พี่ไม่ตายในห้องผ่าตัด ไม่ตายตอนได้รับเคมีบำบัด หรือการที่พี่ยังสามารถคงความเป็นตัวเองได้แบบนี้ มันโคตรโชคดีเลย แล้วพี่ก็ไม่รู้ด้วยว่า หลังจากวันนี้ที่พี่เจอเพื่อนพี่แล้ว พี่จะได้มีโอกาสกลับมาเจอพวกมันอีกไหม
มื้อเย็นนี้มันอาจเป็นการกินข้าวกับเพื่อนสวนกุหลาบครั้งสุดท้ายของพี่แล้วก็ได้ ซึ่ง งานเลี้ยงจากเหย้าเย็นนี้ของน้อง ก็ไม่ต่างกัน ช่วงเวลาหกปีที่น้องเลือกมาอยู่ในรั้วสวนกุหลาบกับเพื่อนๆของน้องมันมีคุณค่ามาก และการที่วันนี้เพื่อนๆน้องยังมาอยู่ข้างน้องได้ น้องกำลังจะลงไปร่วมงานเลี้ยง ร่วมร้องเพลงกัน ไปล้อมวงจุดเทียนพูดคุยกัน มันพิเศษมากๆครับน้อง มันพิเศษมาก และน้องไม่มีทางรู้เลยว่าน้องจะได้มีโอกาสกลับมาเจอเพื่อนอีกไหม
เพราะงั้น พี่หวังว่า น้องใช้ช่วงเวลาตรงหน้าน้องอย่างเต็มที่ที่สุด เห็นความสำคัญของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าน้อง คนที่น้องกำลังคุยด้วย มื้ออาหารที่น้องกำลังกิน เพลงที่น้องกำลังร้อง และเพื่อนที่น้องกำลังกอดคอร้องไห้กัน เพราะน้องโชคดีที่ชีวิตยังมอบวันนี้ให้กับน้อง และน้องไม่มีทางรู้ว่ามันจะเป็นวันสุดท้ายแล้วหรือยัง ขอให้สิบปีต่อจากนี้ของน้อง เป็นช่วงเวลาที่น้องเต็มที่กับทุกโมเม้นตรงหน้า แล้วถ้าวันหนึ่งเวลาของน้องหมดลง น้องจะไม่เสียใจหรือเสียดายกับชีวิตที่น้องได้ใช้ไปครับ”
นี่คือส่วนหนึ่งของเนื้อหาที่ผมพูดกับน้องในวันนั้นครับ คงไม่สามารถเล่าความประทับใจ หรือเล่าว่าพูดอะไรไปได้ทั้งหมด บรรยากาศที่เกิดขึ้นในหอประชุมนั้นมันไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้จริงๆ ทั้งสนุกและมีพลังมากๆ หลังพูดเสร็จน้องยกมือถามเยอะกว่าเวลาผมไปสอนหนังสือเยอะเลย แล้วคำถามก็น่าสนใจด้วยครับ ขอบคุณน้องที่ตั้งใจฟัง และขอบคุณอาจารย์สวนกุหลาบที่ให้โอกาสไปพูดกับน้องๆครับ
การได้มาพูดคุยกับน้องนี่เป็นเรื่องที่เกินความคาดหวังของชีวิตผมไปมากๆ หนึ่งชั่วโมงที่อยู่บนเวทีนี้ มีคุณค่ากับผมมากจริงๆและมันอาจจะเป็นเวทีสุดท้ายของผมแล้วก็ได้ ผมไม่มีทางรู้ว่าพรุ่งนี้ผมจะตื่นมาแล้วยังปกติแบบนี้ไหม ผมอาจจะไม่สามารถพูดอะไรแบบนี้ได้แล้ว และผมอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยมาพูดงานนี้
แต่ในขณะที่ชีวิตยังให้โอกาสผมปกติมากพอที่จะไปพูดกับน้อง รวมถึงการที่ผมยังสามารถมาเขียนโพสต์นี้ได้ ผมว่า วันนี้ผมโคตรโชคดีเลยครับ ขอให้ทุกคนมี ‘วันนี้’ ที่มีความสุขครับ
The post หมอหนุ่มต่อสู้มะเร็งปอดระยะสุดท้าย ฝากข้อคิดรุ่นน้อง ทำวันนี้ให้มีความสุข appeared first on .
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/LO2YVH5
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home