กำชับดูแลปชช. เปิดศูนย์คุมเข้ม ‘7วันอันตราย’
“บิ๊กตู่” อวยพรคนไทยมีความสุขเทศกาลสงกรานต์ เตรียมจัดงานทำบุญ-รดน้ำขอพรที่ทำเนียบฯ 12เม.ย. พร้อมกำชับทุกหน่วยร่วมกันดูแล ปชช.เดินทางไปกลับโดยสวัสดิภาพ มท.1 เปิดศูนย์คุมเข้ม 7 วันอันตราย ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุ-เสียชีวิต-บาดเจ็บไม่น้อยกว่า 5%
เมื่อวันที่ 10 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha” ว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ ‘เทศกาลสงกรานต์’ นอกจากจะเป็นหนึ่งในประเพณีแห่งความสุขของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศแล้ว ยังมีความสำคัญในเชิงสังคมอย่างยิ่ง โดยวันที่ 13 เม.ย. เป็น ‘วันผู้สูงอายุแห่งชาติ’ และวันที่ 14 เม.ย. เป็น ‘วันแห่งครอบครัว’ อันเป็นสถาบันพื้นฐานของสังคมไทย ซึ่งความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวสะท้อนความเข้มแข็งของบ้านเมืองได้อีกด้วย โดยคนไทยจำนวนมาก ทั้งพี่น้องแรงงาน นักเรียน-นักศึกษา และข้าราชการที่อาศัยอยู่ต่างถิ่น ต่างภูมิภาค จะได้เดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อรดน้ำดำหัว ขอพรพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ รวมทั้งผู้มีพระคุณ และเสริมสิริมงคลเป็นพลังให้กับชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยนี้ด้วย”
“ผมมีความปรารถนาให้คนไทยทุกคนมีความสุข ทั้งในช่วงเทศกาลต่างๆ และทุกๆ วัน โดยในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ได้เร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ เพื่อให้การสัญจรในประเทศมีความสะดวกสบาย ถึงที่หมายได้ไวและปลอดภัยขึ้น โดยขยายถนน สร้างมอเตอร์เวย์ เพิ่มข่ายเส้นทาง ทั้งรถยนต์ รถไฟทางคู่-ทางสาม และเพิ่มศักยภาพสนามบิน ไม่เพียงรองรับการเดินทาง-การทำมาค้าขาย-การท่องเที่ยวของคนไทยเท่านั้น แต่รวมถึงชาวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งคาดว่าในปี 2566 นี้ หลังจากที่เราสามารถเปิดประเทศได้อย่างปลอดภัยเป็นประเทศแรกๆ ของโลก จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้น รวมกว่า 27 ล้านคน ทั้งนี้โครงการก่อสร้างขนาดเล็ก-ขนาดกลางจำนวนมากในหลายจังหวัด ที่เสร็จสมบูรณ์ได้เปิดให้บริการแล้ว รวมทั้งโครงการขนาดใหญ่ในเฟสแรกๆ เริ่มทยอยเปิดให้บริการตามลำดับ เช่น มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช บางส่วนที่มีความพร้อม ก็เปิดให้ใช้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 12-18 เม.ย. รวม 7 วัน เป็นต้น” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
“นอกจากนี้ขอให้ทุกคนมีความสุข ได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่กับครอบครัว ในช่วงวันหยุดยาวที่จะมาถึงนี้ และขอขอบคุณอาสาสมัคร จิตอาสา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และทุกๆ หน่วยงาน/องค์กร ที่ได้เตรียมความพร้อม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนของเรา ในการเดินทางตลอดเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง จนถึงที่หมายอย่างปลอดภัย โดยขอให้ทุกคนเดินทางไป-กลับมีสวัสดิภาพ เต็มเปี่ยมด้วยพลังชีวิตที่สดชื่นเข้มแข็ง พร้อมร่วมกันขับเคลื่อนบ้านเมืองของเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไปด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันอังคารที่ 11 เม.ย. นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามปกติ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และในวันที่ 12 เม.ย. เวลา 07.30 น. นายกฯ และภริยาจะเป็นประธานในพิธีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2566 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล จากนั้น เวลา 08.15 น. นายกฯ และภริยาจะเป็นประธานในพิธีสรงน้ำพระพุทธรูปและรดน้ำขอพรเนื่องในประเพณีสงกรานต์ ที่ตึกภักดีบดินทร์
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ มีความห่วงใยต่อความปลอดภัยของประชาชนในการเดินทางสัญจรโดยเฉพาะทางถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 ที่กำลังจะมาถึง จึงกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน บูรณาการร่วมกันลดอุบัติเหตุทางถนน และย้ำให้ลดการสูญเสีย พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และลดอัตราจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์มีวันหยุดยาว ประชาชนเดินทางไปต่างจังหวัด รวมถึงท่องเที่ยวพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ รัฐบาลมีความห่วงใยความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชน เชิญชวนประชาชนฝากบ้านไว้กับตำรวจ เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน ป้องกันมิจฉาชีพฉวยโอกาสช่วงที่ไม่มีคนอยู่บ้านเข้าไปลักขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน รัฐบาลโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผ่านโครงการ “ฝากบ้านไว้กับตำรวจ” ทางแอปพลิเคชัน “ฝากบ้าน 4.0” ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ทั้งนี้หากพบเห็นการกระทำความผิด หรือต้องการความช่วยเหลือ รีบแจ้งสถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 และเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 1/2566 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ว่า รัฐบาลมีความห่วงใยความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 โดย ศปถ.พร้อมบูรณาการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างสุขใจกับชีวิตวิถีใหม่ที่ห่างไกลอุบัติเหตุ โดยได้กำหนดช่วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.66 ซึ่งมีเป้าหมายลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง
สำหรับการประชุมวันนี้ ศปถ.ได้มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดและกรุงเทพมหานคร บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนขับเคลื่อนกลไกการลดอุบัติเหตุทางถนนตามแผนปฏิบัติการในทุกมิติ เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กฎหมายสุรา และกฎหมายสถานบริการอย่างเข้มงวด
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดี ปภ. ในฐานะเลขานุการ ศปถ. กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 จะเป็นศูนย์กลางในการอำนวยการ สั่งการ และเชื่อมโยงการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนกับศูนย์ปฏิบัติการฯ ระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยในช่วงรณรงค์ 7 วันแห่งความปลอดภัยทางถนน จะมีการประชุมร่วมกับ ศปถ.จังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์และวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุในพื้นที่ เพื่อวางมาตรการและปรับแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ ศปถ.จะได้แถลงข้อมูลสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในวันที่ 12-18 เม.ย.66 เป็นประจำทุกวัน ในเวลาประมาณ 11.00 น. ทางเฟซบุ๊ก ปภ. DDPM (https://www.facebook.com/DDPMNews).
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/3dUFcDK
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home