เอวังด้วยประการฉะนี้ “อดีตพระคม” ฝังทอง-เงิน รวมอมกว่า 300ล้าน! นอนคุกบ่อนทำลายศาสนาร้ายแรง บทเรียนสอนใจชาวพุทธ ชั่วดี อยู่ที่ตัวคน **สองลุง ปรับกลยุทธ์ทิ้งทวน สู้กระแส “ก้าวไกล” ที่กำลังมาแรง
ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เอวังด้วยประการฉะนี้ “อดีตพระคม” ฝังทอง-เงิน รวมอมกว่า 300ล้าน! นอนคุกบ่อนทำลายศาสนาร้ายแรง บทเรียนสอนใจชาวพุทธ ชั่วดี อยู่ที่ตัวคน
พีคได้อีก หลังจากตำรวจขยายผล คดีอดีตพระดัง “พระอาจารย์คม อภิวโร” ประธานสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กับพวก ที่มี นายวุฒิมา หรือ อดีตพระหมอ เถาว์หมอ อดีตเจ้าอาวาส และน.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ น้องสาวนายคม ยักยอกเงินวัดเบื้องต้นที่พบกว่า 180 ล้าน เมื่อคณะกรรมการที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีทั้งพระผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจสอบที่วัดอย่างเงียบๆ ซึ่งทั้งหมดต้องผงะกับ “ขุมทรัพย์” ของอดีตพระคม โดยพบทรัพย์สิน ทั้งทองคำแท่ง มูลค่าประมาณ 19 ล้านบาท เงินสดอีก 80 ล้านบาท ฝังไว้บนเขาหลังวัด เมื่อรวมกับทรัพย์สินที่พบครั้งแรกแล้วมีมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท
งานนี้ “บิ๊กก้อง” พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ออกมาเผย จากการสืบสวนพอจะทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาน่าจะเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2563 โดยได้สั่งการให้ขยายผลการดำเนินคดี และเสาะหาหลักฐานเพิ่มมาอีกเรื่อยๆ ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาเท่าที่พบในขณะนี้ ยังมีเพียงแค่ 3 คน แต่หากพบว่าใครเกี่ยวข้องเพิ่มอีก ก็จะมีการดำเนินคดีโดยทันที
สำหรับหลักฐานเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาคงต้องใช้เวลาสอบสวนอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบหลักฐานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เฉพาะแค่บัญชีธนาคารของวัดนั้น มีมากถึง 6 บัญชี
ส่วนสาเหตุจูงใจน่าเชื่อว่าจะมาจากเรื่องเงินจำนวนมากที่ได้รับบริจาคมาจากชาวบ้านผู้เลื่อมใสศรัทธา ตัวผู้ต้องหาอาจมองว่าเงินที่ได้มานั้น มาจากชาวบ้านศรัทธาในตนเอง และขอยืนยันว่า คดีนี้ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความรับผิดชอบ และรัดกุม นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบร่วมกันทุกกระบวนการอีกด้วย
เมื่อหลักฐานชัดแจ้งประกอบคำสารภาพ แน่นอนว่า อดีตพระดัง กับพวก ถูกพนักงานสอบสวนคุมตัว ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขอฝากขัง พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ในคดี
ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหาทั้งสาม ถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะร่วมกันกระทำความผิด โดยที่ผู้ต้องหาที่ 1,2 อาศัยโอกาส กระทำความผิดในขณะครองสมณเพศ อันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน พฤติการณ์เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ประกอบกับมีการตรวจยึดของกลางคือ เงินสด และความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หากปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาทั้งสามอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิง กับพยานหลักฐาน อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน
เรียกว่า งานนี้เอวังด้วยประการฉะนี้ เมื่อหน้ากากพระดีย์ ถูกกระชากออกมาให้สังคมได้เห็น รู้หน้าไม่รู้ใจ จากข้อหาที่ต้องคดี “อดีตพระดัง” ต้องปาราชิก ทั้งกรณียักยอกเงิน และเสพเมถุน นำมาซึ่งอาการช็อกของบรรดา “ผู้เคยศรัทธา” และชาวพุทธทั่วประเทศ ที่คาดไม่ถึงเห็นภาพลักษณ์ภายนอกดูน่าเสื่อมใสศรัทธา แต่ภายในทำไมตรงกันข้าม ก็อย่างที่ “แพรรี่” ไพรวัลย์ วรรณบุตร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชำแหละกรณีนี้เอาไว้เมื่อวันก่อนว่า “ประจบประแจงคฤหัสถ์ นับญาติเฉพาะกับคนรวย พูดจ๊ะ พูดจ๋า พระแบบนี้ให้รู้ไว้เลยค่ะว่า อลัชชีแน่นอน”
ขณะที่ชาวโซเชียลฯ ต่างวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของอดีตพระดัง ว่า เป็นตัวอย่างของ “ชั่ว-ดีอยู่ที่ตัวคน” ความเสื่อมและโลภ เป็นปัจเจกบุคคล ก็ยังจะทำบุญเข้าวัดเหมือนเดิม เพราะพระพุทธศาสนาไม่ได้เสื่อมเสีย แต่เรื่องของคดี ก็สนับสนุนให้ตำรวจกองปราบขยายผลดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พร้อมกับมีเสียงเรียกร้องให้สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ตรวจสอบพฤติกรรมพระสงฆ์และวัดที่อาจจะเข้าข่าย “ร่ำรวยผิดปกติ” เพื่อกวาดล้างบรรดา “คนบาป” ที่อาศัยหากินกับศรัทธาของพุทธศาสนิกชนผู้บริสุทธิ์ต่อไป
เรื่องนี้จึงถือเป็นบทเรียนสอนใจชาวพุทธให้มีสติ สุดท้ายก็คือ “กฎแห่งกรรม” ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นั่นแล.
**สองลุง ปรับกลยุทธ์ทิ้งทวน สู้กระแส “ก้าวไกล” ที่กำลังมาแรง
ต้องยอมรับว่า ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง กระแส “พรรคก้าวไกล”มาแรง ทั้งคะแนนนิยมในตัวพรรค และความเชื่อมั่นในตัว “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ผลโพลหลายสำนักให้พุ่งขึ้นมาแซง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ไปเรียบร้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ อุ๊งอิ๊งยืนหนึ่งมาตลอด
พรรคเพื่อไทย ที่อยู่ในขั้วเดียวกันจึงต้องออกมาตอกย้ำถึงการเลือกตั้งแบบมี “ยุทธศาสตร์” ถ้าต้องการหยุดการสืบทอดอำนาจของ 3ป. ก็ต้องเทคะแนนให้ เพื่อไทย ทั้งบัตรเลือกส.ส.เขต และบัตรเลือกพรรค ให้แลนด์สไลด์ เท่านั้น ไม่มีการเลือกแบบแบ่งปัน พรรคพี่ พรรคน้อง
ขณะที่ขั้วตรงข้าม อย่าง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ตอนนี้ลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนัก นอกจากจะพูดถึงภารกิจ ที่ทำแล้ว ทำอยู่ และทำต่อ แล้วยังเน้นย้ำถึงความสามัคคี ไม่ขัดแย้ง … และประเด็นสำคัญคือ ปกป้อง เทิดทูนสถาบันฯ ซึ่งเป็นการแก้ลำอย่างตรงจุด เพราะเป็นที่รู้กันว่า “พรรคก้าวไกล” เสนอแนวทางปฏิรูปสถาบันฯ และ ยกเลิกมาตรา 112 ส่วน “ลุงป้อม” ยังคงเน้นจุดยืนเดิม คือ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” และให้ประชาชนอยู่ดี กินดี มีน้ำ มีที่ดิน มีสวัสดิการ ไม่มีหนี้นอกระบบ
ล่าสุด “พรรคลุงตู่” ก็ออกแคมเปญหาเสียงชุดใหม่ “ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม “ที่ออกมาในเชิงประชดประชัน พร้อมภาพประกอบ ย้ออนศรเข้าใส่พรรคก้าวไกลโดยตรง …อย่างเช่น ช่วยทำทานข้าราชการเกษียณ …ประเทศที่งานศิลปะเบ่งบาน โดยมีภาพประกอบเป็นกิจกรรมสาดสีประท้วง…ประเทศที่ความเท่าเทียมถึงระดับครัวเรือน ที่เป็นภาพบรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ที่ลูกบอกว่า ทำไม่เราไม่โหวตกันก่อนว่าจะกินอะไร เพราะลูกบอกว่าไม่ได้อยากกินไข่พะโล้…ยังมีเรื่องประเทศที่ไม่มีใครต้องเดือดร้อนจากการเกณฑ์ทหาร … ประเทศที่มีสิทธิ เสรีภาพ เราจะทำอะไรก็ได้ ….แล้วจบลงด้วยคำถามว่า คุณอยากให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมจริงหรือ?
ขณะที่ตัว “ลุงตู่”เองก็มีการปรับลุค การแต่งกายใหม่ให้ดูสดใส กระฉับกระเฉง โดยใส่กางเกงสีอ่อน รองเท้าผ้าใบสีอ่อน ไม่ใช่กางเกงดำ หรือน้ำเงินเข้ม รอง
เท้าดำ แจ็กเก็ตดำ เหมือนที่ผ่านๆมา
การลงพื้นที่ ก็เน้นไปที่ภาคใต้ ซึ่งนอกจะเป็นพื้นที่เป้าหมายหลักแล้ว ภาพประชาชนออกมาให้การต้อนรับ มอบดอกไม้ ล้อมหน้า ล้อมหลัง เสียงลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่อยู่ต่อ ลุงตู่เป็นนายกฯตลอดไป นั้นทำให้ปลุกความฮึกเหิม ให้ยืนหยัดสู้ต่อไป
วันวาน (8พ.ค.) “ลุงตู่” ลาราชการ พาคณะลงพื้นที่ภาคใต้ เริ่มที่ จ.นราธิวาส ได้เจอกับคุณยายอายุ 100 ปีพร้อมลูกสาวมารอต้อนรับ มีการทักทายถ่ายรูปร่วมกัน ซึ่งลุงตู่ย้ำว่า… ผมทำงานเพื่อประเทศชาติของเรา คุณยายอยู่มา 100 ปีแล้ว ก็คงจะเห็น และทราบดีว่าประเทศไทยของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรแล้วบ้าง ก็ขอให้ช่วยกันนะครับ….
จาก จ.นราธิวาส ก็ไปต่อที่ จ.ปัตตานี หลังจากสักการะศาลหลักเมือง เอาฤกษ์เอาชัย แล้วขึ้นรถแห่หาเสียงรอบเมืองและปราศรัยกับประชาชนที่มาต้อนรับกันแน่นขนัด “บังตู่” พูดภาษาถิ่นยาวี “ซายอ กาแซะ แดมอ “ ที่แปลว่า “รักที่สุด” พร้อมบอกว่า เคยมาปัตตานีตั้งแต่สมัยเป็น ผบ.ทบ. ตอนนี้เป็นนายกฯแล้ว แต่จะได้เป็นต่อหรือไม่ ก็อยู่ที่พวกเราทุกคน ถ้ารักบ้านเมือง อยากให้บ้านเมืองสงบสุข ก็ต้องช่วยกันเลือก “บังตู่” …คนใต้ รักใครรักจริง ถ้ารักจริงอย่าทิ้งตู่ ตนเองแม้จะไม่ใช่คนใต้ แต่ก็รักคนใต้นะจ๊ะ
จากนั้น “บังตู่”ได้ไปที่ วิทยาลัยเทคนิคปัตตานี พบกับเยาวชนคนหนุ่มสาว โอกาสนี้ก็ได้พูดถึงแนวทางการหาเสียงของพรรคสีส้มว่า …เขาสอนว่าลูกไม่ต้องรักพ่อ รักแม่ก็ได้ แม่ทำให้เกิดอย่างเดียวพอแล้ว เวลาพูดเรื่องนี้ทีไร มันมีอารมณ์ทุกที เขาไม่น่ามาปลูกฝังแบบนี้ ….
ขณะที่“ลุงตู่” ล่องใต้ ส่วน “ลุงป้อม” ขึ้นเหนือ ไปที่ จ.พิษณุโลก เข้ากราบขอพร พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร กราบสักการะรูปปั้นพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และ พระสุพรรณกัลยา ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ อ.พรหมพิราม
“ลุงป้อม” บอกว่าไม่ได้สนใจเรื่องโพล สนใจแต่กระแสของชาวบ้าน จากการที่ตนเองลงพื้นที่ทุกจังหวัดก็มีกระแสตอบรับดีมาก ส่วนเรื่องสุขภาพนั้น ร่างกายยังแข็งแรง เป็นปกติ การเดินเหินก็แค่เดินช้า ไม่ใช่เดินไม่ไหวซะที่ไหน
สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐเน้นในการหาเสียงคือ เรื่องคุณภาพชีวิต มีน้ำ มีที่ทำกิน มีรายได้มั่นคง พ้นจากหนี้นอกระบบ คนไทยรักกันเป็นหนึ่งวเดียว ก้าวข้ามความขัดแย้ง
…พรรคพลังประชารัฐจะแก้ปัญหาให้เกษตรกรทั้ง 8 ล้านครอบครัว หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เราจะเติมเงินให้ครอบครัวละ 30,000 บาท ส่วนเรื่องน้ำ มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน มีเรามีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน เราจะทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้ประชาชนมีความยากจน ถ้ามีพรรคพลังประชารัฐ จะไม่มีคนจนในประเทศ เรายืนยันว่าจะทำให้ประชาชน 20 ล้านคน หายจากความยากจน จากการดำเนินการของพรรคพลังประชารัฐ…
หลังจากนี้ วันที่ 12 พ.ค. บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดที่กรุงเทพฯ ก็ต้องจับตาว่า แต่ละพรรคที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่นี้ จะมีนโยบายเด็ดอะไรมาเรียกคะแนนเสียง หรือพลิกสถานการณ์ เพื่อคว้าชัยในศึกเลือกตั้งครั้งนี้
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/1drpFt2
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home