‘พ่อส้ม’ ต้มเปื่อย
แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะตอนหาเสียงเลือกตั้่ง ทีมงานชัชชาติแข็งแกร่งสุดในปฐพี จนชนะเพราะใช้โซเชียลเก่งที่สุด
นี่้คือตัวอย่างของ “กระแส” ที่มีอิทธิพลสูงมากต่อการเลือกตั้ง
ก็ยังมีเวลาอีก ๓ ปี ให้ “ชัชชาติ” ได้ทำผลงาน
โยนงานยิบย่อย จำพวกเป็นประธานเปิดงานวิ่ง เยี่ยมอุโมงค์ ตรวจรถติด ให้รองผู้ว่าฯ รับไปทำเถอะครับ
หันมาจัดการงานใหญ่ๆ จำพวก ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐-๓๐ บาทตลอดสาย ตามที่หาเสียงไว้ จะเป็นประโยชน์กับชาวกรุงมากกว่าเอาเวลาไปออนทัวร์ทั่วกรุง
แต่ “ชัชชาติ” ก็ยังไม่ยอมลงมือทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียที
ครับ… ๑๔ พฤษภาคม ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลก็มากับกระแสเช่นกัน
กระแสยกเลิก ม.๑๑๒
ความพยายามในการขจัด ม.๑๑๒ ออกไปจากประมวลกฎหมายอาญา มีการเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่อง จนแทบจะเป็นโลโก้ของพรรคก้าวไกลไปแล้ว
ผู้ต้องหาคดี ม.๑๑๒ ถูกจับ ส.ส.ก้าวไกลประกันตัว มันเชื่อมโยงกันจนแยกไม่ออก สังคมทั่วไปรับรู้มันกลายเป็นขบวนการเดียวกัน
แต่แล้วในการจัดตั้งรัฐบาล การแก้ไข ยกเลิก ม.๑๑๒ ถูกลดเพดานลง ซึ่งเป็นผลดีต่อภาพการเมืองโดยรวม การเผชิญหน้ากันของประชาชนสองกลุ่มมีโอกาสลดลงไปด้วย
ไม่รู้ใครสังเกตเห็นหรือเปล่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” โดนบีบไข่นั่งหน้าเขียว ตอนแถลงข่าวเซ็นเอ็มโอยูวานนี้ (๒๒ พฤษภาคม)
คำถามหลักในการแถลงข่าวหนีไม่พ้นกรณี ม.๑๑๒
ก็อย่างที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่รู้ผลเลือกตั้งครับว่า โอกาสที่การแก้ ม.๑๑๒ จะถูกหยิบมาเป็นนโยบายรัฐบาลนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
เพราะตลอดอายุสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อน ไม่มีพรรคการเมืองเห็นด้วยกับการแก้ ม.๑๑๒ ในสภา
มีเพียงพรรคก้าวไกลพรรคเดียวเท่านั้นที่ยืนยันต้องแก้ไข ม.๑๑๒ บางช่วงเวลา ก็ประกาศว่าต้องยกเลิกด้วยซ้ำ
ในการแถลงข่าว “พิธา” ตอบเรื่องนี้ชัดเจนครับ
พรรคก้าวไกล จะเดินหน้าแก้ ม.๑๑๒ ต่อไป!
มวลชนสีส้มที่เพิ่งมาสนใจการเมืองเพราะพ่อส้มรูปหล่อต้องตามให้ทันนะครับ
สิ่งที่ “พิธา” ประกาศคือ การแก้ไข ม.๑๑๒ ไม่ได้ทำในนามของรัฐบาล เพราะไม่มีพรรคไหนเอาด้วย
แต่ทำในนามพรรคก้าวไกลที่มี ส.ส.ในสภา ๑๕๒ เสียงเท่านั้น
หมายความว่าโอกาสที่จะแก้ไขสำเร็จเป็นศูนย์
พูดง่ายๆ พรรคก้าวไกลละทิ้งความหวังของมวลชนสีส้มเพื่อให้สามารถตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
และสิ่งที่ มวลชนสีส้มควรรับรู้ไว้เสียแต่เนิ่นๆ หากพรรคก้าวไกลเสนอร่างแก้ไข ม.๑๑๒ เข้าสภา แล้วแพ้โหวต ซึ่งจะแพ้โหวตล้านเปอร์เซ็นต์ จะมีปัญหาทางการเมืองตามมา
แม้ไม่ใช่กฎหมายของรัฐบาล แต่เป็นกฎหมายของพรรคการเมืองที่หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี
“พิธา” จะลอยหน้าลอยตา ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ ไม่ได้
ยิ่งอ้างตัวว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ด้วยแล้ว สปิริตทางการเมืองมันต้องเปี่ยมล้น จะไปเอาอย่างนักการเมืองที่ตนด่าว่าเป็นพวกไดโนเสาร์ไม่ได้
มาดูเอ็มโอยูที่ ๘ พรรคร่วมลงนามกันครับ
มีประเด็นต่างไปจากเอ็มโอยูที่หลุดมาก่อนหน้า
“พิธา” กลืนเลือดไปหลายอึกครับ
ประเด็นแรกที่ “พิธา” ต้องลดเพดานตัวเองลงมาคือ หลักการของเอ็มโอยู
“ทุกพรรคเห็นร่วมกันว่า ภารกิจของรัฐบาลทุกพรรคที่จะผลักดันร่วมกันนั้น ต้องไม่กระทบกับรูปแบบของรัฐและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในสถานะ อันเป็นที่สักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์”
ภาพ “พิธา” แปะสติกเกอร์ช่อง “ยกเลิก ม.๑๑๒” ในเวทีปราศรัย ลอยมาเลยครับ
หาก ๘ พรรคเคารพเอ็มโอยูที่ลงนามร่วมกันนี้ จะต้องยืนยันเจตนารมณ์ด้วยการไม่เสนอแก้ ม.๑๑๒
โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล
มีหรือครับที่ “พิธา” และพรรคพวกไม่รู้ว่ามวลชนสีส้มเคลื่้อนไหวกันอย่างไร
ตรงข้ามกับหลักเอ็มโอยูนี้อย่างสิ้นเชิง
กี่คนแล้วครับที่ละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ แล้ว ส.ส.พรรคก้าวไกล ไปประกันตัวทุกครั้ง
มันย้อนแย้งครับ!
ประเด็นถัดมา การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันโดยการสร้างระบบและวัฒนธรรมรัฐโปร่งใส
ลอยครับ!
ไม่มีหลักประกันอะไรเลย เหมือนประกาศให้เยอะข้อเข้าไว้
ก่อนที่คณะรัฐมนตรีเข้าบริหารประเทศ รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้อง ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์
มาตรา ๑๖๑ บัญญัติว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคําดังต่อไปนี้
“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
ก็มาตราที่เคยเอาไปถล่ม “ลุงตู่” ว่าถวายสัตย์ฯ ไม่ครบนั่นแหละครับ
หาก “พิธา” มีเจตนาปราบคอร์รัปชันจริง ต้องทำตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณ
เพราะพวกถวายสัตย์ฯ ครบ แต่โคตรโกงมันมีเยอะ
เอ็มโอยูจะมีความหมายอะไร ในเมื่้อ “พิธา” เองก็เสียตัวตนจากการต่อรองเนื้อหาในเอ็มโอยู
ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญให้ได้สิครับ
สุดท้ายเรื่้อง “กัญชา” ชัดๆ ครับ “พิธาคิโอ”
ว่ากันตรงๆ นะครับ ฟังการแถลงข่าวเรื่องกัญชาเสรี เครดิตของ “พิธา” เหลือศูนย์
มีที่ไหนครับประกาศให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่ร้านขายกัญชาสามารถเปิดต่อได้ถ้าทำถูกกฎหมาย
มันคืออะไร?
ขุดคำปราศรัยของ “พิธา” ในงานปิกนิกอนาคตใหม่ ที่สวนเบญจกิติ เมื่อ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ มารีรัน ก็ยิ่งเห็น….ปาก พาฉิบหายครับ!
“..อันดับแรก เราต้องคิดก่อนว่ากัญชา ไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป เวลาเราพูดเรื่องนโยบายยาเสพติด กัญชาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเรื่องนั้นอีกต่อไป
วิธีคิดของผมเกี่ยวกับกัญชา ก็คือ ประเทศไทยจะต้องเป็นเมดิคัลฮับ และก็เป็นทัวริซึมฮับเกี่ยวกับกัญชา อันดับ ๑ ของเอเชียให้ได้ นั่นคือปลายทางที่เราต้องการ
ประเทศไทยจะต้องเป็น ๑ ใน ๕ ผู้นำเกี่ยวกับเรื่องกัญชา มีออสเตรเลีย แคนาดา อเมริกา เนเธอร์แลนด์ อิสราเอล และก็ต้องมีไทยอยู่ในนั้นด้วย เพราะว่ากัญชาไทยดีที่สุดในโลกแน่นอน ในเรื่องของศักยภาพ…”
ปั้นเป็นทัวริซึมฮับกัญชา กันเลยทีเดียว
พอแค่นี้ครับ ขืนรื้อต่อก็ยิ่งฉิบหายหนักเข้าไปอีก
“พ่อส้ม” ต้มเปื่อย.
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/WNC96gy
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home