World enews: ปริโกซินกับจุดจบหลัง เผชิญหน้าผู้นำรัสเซีย

บางคนบอกว่าช็อก อีกบางคนบอกว่ามันเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว

แต่พอข่าวบอกว่าเครื่องบินส่วนตัวตกในรัสเซีย และหนึ่งในผู้เสียชีวิตที่อยู่บนเครื่องบินคือ เยฟเกนี ปริโกซิน หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ คนส่วนใหญ่ก็ยังอดที่จะตกใจไม่ได้

แม้จะมีคนทำนายไว้ล่วงหน้าแล้วว่า หลังการการก่อกบฏของกลุ่มวากเนอร์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมาล้มเหลว ชะตากรรมของปริโกซินก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย

รอวันที่เขาจะตกอยู่ในสภาพเดียวกับอีกหลายๆ คนที่เสียชีวิตในสภาพลึกลับมหัศจรรย์เท่านั้น

ก่อนหน้านี้ศัตรูคนสำคัญของรัฐบาลรัสเซียตายเพราะโดนยาพิษบ้าง ตกจากตึกบ้าง หรือไม่ก็หายตัวไปอย่างลึกลับไร้ร่องรอย

แน่นอนว่าไม่มีหลักฐานอะไรที่โยงไปถึงปูติน ซึ่งก็ยืนยันมาตลอดว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุร้ายต่างๆ เหล่านั้น

และในทุกกรณีทางการก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาหาสาเหตุ แต่ก็ไม่เคยเจอหลักฐานอะไรที่จะโยงไปถึงทำเนียบเครมลินแต่ประการใด

ข่าวยืนยันชิ้นแรกเมื่อเช้าวันพฤหัสฯ มาจากองค์กรการบินพลเรือนแห่งรัสเซีย ที่ยืนยันว่าปริโกซิน หัวหน้ากองทหารรับจ้างวากเนอร์ องค์กรทหารรับจ้างรัสเซียเสียชีวิตหลังเครื่องบินส่วนตัวตกในรัสเซีย ร่วมกับผู้โดยสารทั้งหมด 7 คน และลูกเรือ 3 คน

ข้อความขึ้นโซเชียลมีเดียของกลุ่มวากเนอร์บอกว่า เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเป็นของปริโกซิน และถูกกองทัพอากาศรัสเซียยิงตก

ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่ข่าวคราวทางการอ้างว่า เครื่องบินตกในเขตทเวอร์ (Tver) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงมอสโก

บนเส้นทางจากมอสโกไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

จะด้วยเหตุบังเอิญหรือไม่ก็แล้วแต่ เหตุร้ายนี้เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่นายพลอาวุโสถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศรัสเซีย

โดยที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า นายพลคนนี้มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับปริโกซิน

นายพลเซอร์เกย์ ซูโรวิคิน ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะนับตั้งแต่ทหารวากเนอร์ก่อกบฏเมื่อปลายเดือนมิถุนายนแล้ว

23 มิถุนายนที่ผ่านมา ปริโกซินนำหน่วยรบทหารรับจ้างรัสเซียกลุ่มวากเนอร์ก่อกบฏ แต่วันต่อมาก็ถูกปราบต้องยอมมอบตัวและต่อรองกับปูติน

จากวันนั้นเป็นต้นมาก็มีการคาดเดาอย่างกว้างขวางว่า ชีวิตของปริโกซินคงจะตกอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่าปูตินจะยกเลิกข้อกล่าวหาร้ายแรงต่อปริโกซินและแกนนำที่ก่อเหตุทั้งหลายแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าปูตินจะปล่อยให้คนกลุ่มนี้ลอยนวลไปตลอด

องค์กรการบินโรซาเวียตเซียของรัสเซียระบุว่า เครื่องบินลำที่เกิดเหตุเป็นเครื่องบินส่วนตัวของปริโกซิน รุ่นเอ็มเบรเออร์-135 รหัส EBM-135BJ และผู้เสียชีวิตอีกคนหนึ่งในเหตุการณ์นี้คือ มิทรี ยูตคิน ผู้บัญชาการทหารอาวุโสของกลุ่มวากเนอร์ เป็นเบอร์สองรองจากปริโกซิน

เครื่องบินร่วงลงใกล้หมู่บ้านคูเชนคิโน ครึ่งทางระหว่างมอสโกกับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

ข้อความในแอป Telegram ที่ใช้ชื่อว่า “GreyZone” ขึ้นข้อความว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ “เป็นผลจากการกระทำของผู้ทรยศหักหลังต่อรัสเซีย”

และอ้างข้อมูลว่า ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้น 2 ครั้งก่อนเครื่องบินตก ก่อนจะเห็นไอพวยพุ่งออกมาจากเครื่องบินที่ลุกไหม้

สื่อทางการรัสเซีย Tass แจ้งว่า เครื่องบินของปริโกซินเกิดลุกไหม้หลังจากตกกระทบสู่พื้นดิน

เครื่องบินตกลงหลังจากขึ้นบินเพียงไม่ถึง 30 นาที

หน่วยทหารรับจ้างวากเนอร์มีกำลังพลกว่า 25,000 นาย รับจ้างทำสงครามในสมรภูมิยูเครน ซีเรีย และในแถบแอฟริกาตะวันตก

มีกิตติศัพท์ในเรื่องการใช้วิธีการรบที่โหดร้ายและละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่บ่อยๆ

หลังเหตุการณ์ก่อกบฏที่ล้มเหลว นักสังเกตการณ์ที่ติดตามเรื่องราวนี้อย่างใกล้ชิดบอกว่า ปริโกซินเป็นเสมือน “คนตายที่เดินได้”

รอวันให้ “สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” ระเบิดชีวิตเขาและพวกเท่านั้น

ปริโกซินปีนี้อายุ 62 ปี มีบทบาทสำคัญในการบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบของรัสเซีย

ชีวิตของเขามีสีสันมาตลอด เดินเข้าออกเรือนจำของรัสเซียเป็นว่าเล่น

และด้วยประสบการณ์เช่นนี้ เขาจึงใช้วิธีคัดเลือกนักโทษในเรือนจำไปเข้าร่วมเป็นนักรบของกลุ่มวากเนอร์ในสงครามยูเครน

ปริโกซินไม่สนใจว่านักโทษคนไหนจะเคยก่ออาชญากรรมรุนแรงเพียงใด ตราบที่ยอมตกลงเข้าร่วมสงครามยูเครนได้ก็จะได้รับอิสรภาพ

จากนั้นก็จะถูกส่งไปยังแนวรบจุดที่อันตรายที่สุด และก็เสียชีวิตในสนามรบเป็นจำนวนไม่น้อย

ก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามยูเครน ปริโกซินเคยถูกกล่าวหาว่าเข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ

และมีบทบาทไม่น้อยในการช่วยรัสเซียขยายอิทธิพลในแอฟริกา

ก่อนจะเข้ามามีบทบาทการเมืองรัสเซีย เขาเป็นคนขายฮอตด็อก

ต่อมาก็ตั้งร้านอาหาร ตามมาด้วยการทำธุรกิจจัดเลี้ยง รับสัญญาว่าจ้างจัดหาอาหารให้แก่รัฐบาลรัสเซีย

จนทำให้เขาได้รับสมญานามว่าเป็น “พ่อครัวของปูติน” (Putin’s Chef)

วิกฤตในความสัมพันธ์ระหว่างปริโกซินกับกองทัพรัสเซีย เริ่มจากการที่เขาเริ่มมีความไม่พอใจผู้นำกองทัพรัสเซีย

ด้วยการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำระดับสูงของกองทัพรัสเซียอย่างเปิดเผยและต่อเนื่อง

อ้างว่ากระทรวงกลาโหมไม่ยอมจัดหาและสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กลุ่มวากเนอร์ในการสู้รบกับยูเครน ถึงขั้นที่ไม่เกรงใจใครในรัฐบาลรัสเซีย ด้วยการชี้นิ้วระบุชื่อ พล.อ.เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย และ พล.อ.วาเลอรี เกราซิมอฟ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมรัสเซียว่า “ไร้ความสามารถในการควบคุมกองทัพ”

ย้อนเหตุการณ์กลับไปก็จะเห็นว่า นั่นน่าจะเป็น “จุดเริ่มต้นของการดับสูญ” สำหรับปริโกซินอย่างแท้จริง!

The post ปริโกซินกับจุดจบหลัง เผชิญหน้าผู้นำรัสเซีย appeared first on .