ไม่ใช่ร้องไห้ แค่น้ำรอระบาย “พระมหาสมปอง”ไปต่อ.. บทเรียนพส.แซะการเมือง จะถูกการเมืองแซะ ?? ** พปชร.ขวาง “พีระพันธุ์” คว้าเก้าอี้รัฐมนตรี …เพื่อไทย ดัน “ทวี สอดส่อง” แคนดิเดตนายกฯ
ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ไม่ใช่ร้องไห้ แค่น้ำรอระบาย “พระมหาสมปอง”ไปต่อ.. บทเรียนพส.แซะการเมือง จะถูกการเมืองแซะ ??
หลังจากปล่อยปริศนาว่า กำลังถูกบางองค์กรจ้องจับสึก พร้อมๆกับภาษากายที่คล้ายจะร้องไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจกลางไลฟ์สดเมื่อวันก่อน จนทำเอาญาติโยมแฟนคลับต้องออกมา #Saveพระมหาสมปอง กันเลื่อนลั่นโซเชียลฯ
ต้องบอกว่า ความเคลื่อนไหวของ “พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต” พระนักเทศน์ชื่อดัง แห่งวัดสร้อยทองตอนนี้ กลายเป็นดรามาต่อเนื่อง เพราะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงหลังๆ หลายกรณี ทั้งการไม่สำรวม การไลฟ์สด รีวิวสินค้า หรือก่อนหน้าที่ชอบพูดแซะรัฐบาลและการเมือง ยิ่งเมื่อจับคู่กับ “พระมหาไพรวัลย์” พส.ชื่อดังที่ชอบวิจารณ์การเมือง จึงถูกโยงว่าอาจจะเป็นเบื้องหลังการออกมา “ร้องไห้” หรือไม่ กระทั่งมีคำถามตามมาด้วยว่า “พระมหาสมปอง” จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ?
น่าสนใจว่า เพจ “ทนายวันชัย สอนศิริ” หรือ วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้หยิบประเด็นนี้มาขยาย โดยโพสต์ถึงกรณีนี้ “มหาสมปองร้องไห้” ว่า.. ธรรมะ กับการเมืองต่างกัน ธรรมะเป็นของบริสุทธิ์ เป็นของกลางๆ ใสสะอาด ไม่มีคนรักคนเกลียด ไม่มีสีมีฝ่าย มีแต่สายธรรมะ
แต่การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจ เต็มไปด้วยโลภ โกรธ หลง ห้ำหั่นซึ่งกันและกัน มีสีมีฝ่าย ทั้งในสภาและนอกสภา มีคนรักคนเกลียด คนชอบคนไม่ชอบ ใครที่ยืนอยู่สายธรรมะจะยืนได้อย่างอยู่ยงคงกระพัน แต่การเมืองผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เร็วหรือช้าก็อยู่ที่คนคนนั้น บางคนก็ดับไปเลย…นี่คือสัจธรรมของธรรมะ และการเมือง
“พระ” คือสัญลักษณ์ของ “ธรรมะ” ผู้เผยแผ่ธรรมะอย่างใสบริสุทธิ์ แต่ละรูปทั้งในอดีตและปัจจุบันถ้ายืนหยัดอยู่กับธรรมะอย่างแท้จริง จะเป็นอมตนิรันดร์กาล หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว หลวงพ่อพุทธทาส หลวงพ่อปัญญา และอีกหลายๆ รูป ก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่าง แต่พระรูปไหนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่ว่าจะเหลือง หรือแดง จะเทศนาธรรมะสุดยอดขนาดไหน ดังขนาดไหน ในที่สุดก็ไปไม่รอด ถูกจับสึกไปแล้วก็มี ที่ยังอยู่ก็ต้องเงียบๆ และหายไป
พส.สมปอง กับ พส.ไพรวัลย์ ลองพิจารณาดูเอาก็แล้วกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ถ้าเป็นสายธรรมะเพียวๆ ก็คงไม่มีเรื่องอะไร ไม่ต้องร้องไห้หูตาแดงแต่อย่างใด เพราะธรรมะไม่เคยทำให้ใครร้องไห้ แต่การเมืองทั้งเจ็บปวด ทั้งร้องไห้ ถึงกับตายก็มี ลำพังแค่ตลกโปกฮา เทศนาสนุกสนานคงไม่มีใครว่าอะไรเพราะพระนักเทศน์นักแหล่ ที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนมากกว่า 2 พส. ก็มีตั้งเยอะแยะ แต่เขาก็ไม่เป็นอะไร ที่สอง พส.เป็นเช่นนี้ก็เพราะไปยุ่งการเมือง ไปเหน็บการเมือง ไปเสียดสีการเมือง เอาใจวัยรุ่นกับการเมืองจนเลยเถิด บางครั้งก็ว่าคนนั้น คนนี้ตรงๆ ก็คนการเมืองก็รู้อยู่แล้วว่า มันมีทั้งคนรักคนเกลียด ก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้น ไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากเจ็บปวด ก็ใช้ธรรมะเพียวๆ อย่างเดียวสิครับ… ตัวเราเองเท่านั้นที่จะรู้ และชี้ผิดชี้ถูกได้ด้วยตัวเอง
ขณะที่ “พส.พระมหาสมปอง” ได้ให้คำตอบกับสื่อเมื่อวาน(11ต.ค.) ว่า อาตมาไม่รับนะ อาตมาไม่ได้ร้องไห้ น้ำตาไม่ได้ไหล แค่เป็น”น้ำรอระบาย” ปกติดูอะไรซึ้งๆ ก็น้ำตาไหล
ดูๆแล้ว พส.พระมหาสมปอง น่าจะไปต่อ ปล่อยมุกได้แบบนี้ ท่านก็คงสบายใจขึ้น หลังจากมีกระแส Save ออกมาล้นหลาม ส่วนที่ว่า บทเรียนครั้งนี้ไปแซะการเมือง จะโดนการเมืองแซะหรือไม่ ท่านว่า ไม่เกี่ยวหรอก ไม่แซะนานแล้วนะ ตั้งแต่มาออกครั้งก่อน ก็ไม่ได้พูดถึงนานแล้ว
สรุปว่างานนี้ แล้วแต่ญาติโยมจะคิดจะตัดสินกันเองละกัน.
** พปชร.ขวาง “พีระพันธุ์” คว้าเก้าอี้รัฐมนตรี …เพื่อไทย ดัน “ทวี สอดส่อง” แคนดิเดตนายกฯ
การก้าวเข้าพรรคพลังประชารัฐ ของ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ได้เกิดแรงต้านจากคนในพรรคให้เห็นแล้ว
หลังมีการวิเคราะห์กันว่า “พีระพันธุ์” คงจะไม่มาเป็นแค่ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค แต่อาจจะเป็นคนนำทัพลงสู้ศึกเลือกตั้งในสนามกทม.ของพรรคในครั้งหน้า เพราะทั้ง “เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ และ “เสี่ยบี” พุทธิพงษ์ ปุณณกัณต์ อดีต รมว.ดีอีเอส ที่ดูแลส.ส. สายกปปส. ได้หลุดวงโคจรไปแล้ว “กลุ่มดาวฤกษ์” ก็แยกย้าย แตกเป็น “ดาวกระจาย” ที่สำคัญ “เสี่ยตั้น” นั้นสนิทสนมและให้ความเคารพรัก “เสียตุ๋ย” อยู่ จึงพอจะผูกโยงให้เห็นภาพได้
นอกจากนี้ก็มีกระแสข่าวว่า หากมีการปรับครม. “พีระพันธุ์” อาจจะมีเก้าอี้มารองรับ และคงไม่ใช่เก้าอี้ตัวเล็กแค่รัฐมนตรีช่วยฯ แต่ต้องเป็นเก้าอี้ตัวใหญ่ระดับ “รัฐมนตรีว่าการ” เพราะก่อนหน้านี้ ช่วงที่ “เสี่ยตั้น” หลุดจากตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ ก็พยายามเสนอชื่อ “เสี่ยตุ๋ย” เข้ามานั่าเก้าอี้ตัวนี้แทนตนเอง บรรดาส.ส.ในพรรคถึงกับรวมหัวกัน ล่าชื่อว่าไม่เอาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี …แต่ตอนนี้ “เสี่ยตุ๋ย” เป็นสมาชิกพรรคแล้ว เพียงแต่ไม่ได้เป็นส.ส. และไม่มี ส.ส.เป็นฐานเสียงของตนเองอยู่ …แต่อย่างว่าเรื่องของพรรคพปชร. ถ้า “3ป.”จะเอาอย่างไร ส.ส.ก็คงขวางยาก
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการมองกันว่า “พีระพันธุ์” อาจเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค หรือ “นายกฯสำรอง” หากหลังเดือนส.ค.65 แล้วฝ่ายค้านยื่นตีความเรื่อง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวกับ วาระนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 8 ปี แล้วศาลรธน. วินิจฉัยว่า “ลุงตู่” หมดวาระแล้ว ก็เข้าทาง “เสี่ยตุ๋ย”
ยิ่ง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังอุบเงียบว่า แคนดิเดตนายกฯของพรรคจะมีกี่คน …จะมีแค่ “ลุงตู่”คนเดียวหรือเปล่า นักข่าวถามกี่ที “ลุงป้อม” ก็ตอบว่า “เรื่องของผม!!”
กระแสของคนในพรรคไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ก๊วนไหน ต่างไม่ยินดีต้อนรับ “เสี่ยตุ๋ย”… เพราะเพิ่งเข้ามาไม่กี่วัน แต่จะได้เป็นอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง… เรื่องแม่ทัพสนามเลือกตั้งกทม. กับนายกฯสำรองนั้นไม่เท่าไร เพราะยังอีกไกล …แต่จะมาคว้าพุงปลาได้เป็นรัฐมนตรีนี่ บรรดาส.ส.แก่พรรษายอมไม่ได้
ก็คงต้องจับตาว่า บรรดาลุงๆ จะจัดการกับเรื่องวุ่นๆในพรรคพลังประชารัฐกันอย่างไร
คราวนี้มาดูพรรคใหญ่ฝ่ายค้านอย่าง “เพื่อไทย” กันบ้าง ซึ่งก็วุ่นไม่แพ้กัน เพราะชัดเจนแล้วว่าคงจะไม่เข็น “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี … แล้วจะเป็นใครล่ะ !!
มีกระแสข่าว “เสี่ยโจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรค คิดการใหญ่จะ “ยึดพรรค” โดยดัน “ ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรค ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และเป็นแคนดิเดตนายกฯ ส่วนตัวเองขอเป็นเลขาธิการพรรค… แต่สูตรนี้เจ้าของพรรคที่อยู่แดนไกลไม่โอเคด้วย
เพราะตอนแรกคนแดนไกลก็จะแก้ปัญหาโดยให้ลูกเขย คือ “เสี่ยพงศ์” ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี “เอม” พินทองทา มาเป็นหัวหน้าพรรค แต่ “เอม” ไม่ตกลง เพราะเห็นตัวอย่างมาแล้วว่า ทั้งพ่อ และอา ที่ลงเล่นการเมือง แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไร
จึงมีชื่อ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคของ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี …โดยเฉพาะถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้า ใช้บัตร 2 ใบ ก็มีโอกาสสูงที่ จะยุบพรรคประชาชาติ มารวมกับพรรคเพื่อไทย
สำหรับ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” นั้นเปรียบเสมือนคนในบ้านตระกูลชินวัตร มีความสนิทสนม รับใช้ใกล้ชิดทั้งกับ “ทักษิณ” และ “ยิ่งลักษณ์” มาก่อน จึงมีโอกาสสูงที่จะมาเป็นตัวแทนในการนำทัพเพื่อไทยลงสนามเลือกตั้งครั้งนี้
ก็ต้องจับตาว่าแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทยจะมีบทสรุปอย่างไร ใครจะได้เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคนี้
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/3mN4tXa
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home