Monday, November 15, 2021

นายกฯ ปลื้มทิศทางเที่ยวไทยส่งสัญญาณดีหลังเปิดประเทศ ชาวไทย-ต่างชาติคึกคัก พลิกโฉมการท่องเที่ยวแบบ New Normal ด้วยมาตรการสาธารณสุขที่เข้มงวด



โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ปลื้มทิศทางเที่ยวไทยส่งสัญญาณดีหลังเปิดประเทศ ชาวไทย/ต่างชาติคึกคัก พลิกโฉมการท่องเที่ยวแบบ New Normal ด้วยมาตรการสาธารณสุขที่เข้มงวด ผ่านแคมเปญการท่องเที่ยว “Visit Thailand Year 2022”

วันนี้ (15 พ.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามผลการเปิดประเทศอย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวมีการขยับตัวดีขึ้น มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย ทั้งแบบการยกเว้นการกักตัว (Test and Go) พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (Sandbox Programme) และ การกักตัว ณ สถานกักกัน (Alternative Quarantine) เฉลี่ยวันละ 2,000 – 3,000 คน ส่งผลดีกับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงปลายปี ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศปลายทางอันดับต้นๆ ของโลก ที่นักเดินทางทั่วโลกอยากจะเดินทางมาหลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น โดยขณะนี้นักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกามีจำนวนมากที่สุด รองลงมาเป็นเยอรมนี สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และเกาหลี นอกจากนี้ประเทศไทยยังได้กลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ เช่น กลุ่มอิสราเอล ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ได้ทำการตลาดและการประชาสัมพันธ์ความพร้อมและมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด ควบคู่กับการส่งเสริมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว “Visit Thailand Year 2022” ด้วยแนวคิด “Amazing New Chapters” ทั้ง 29 สำนักงานทั่วโลก ทั้งคาดว่าปี 2564 นี้ ประเทศไทยจะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศนั้น ททท. ยังได้เตรียมแคมเปญท่องเที่ยวที่ตอบสนองพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยทุกกลุ่ม เช่น UNSEEN New Series เที่ยววันธรรมดา เมืองรองต้องลอง ชุมชนท่องเที่ยวสร้างสรรค์ Workation Thailand เที่ยวไปด้วย ทำงานไปด้วย และ Thailand Premium เป็นต้น โดยมุ่งสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ภายใต้แนวคิด “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ในส่วนของโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 มีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวน 859,871 คน ผู้ประกอบการ 5,941 ราย ยอดการจองโรงแรมที่พักสะสม 1,051,705 ห้อง ทำให้ยอดสะสมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส1-3 กว่า 9 ล้านคน มูลค่าสะสมรวมกว่า 4,225.1 ล้านบาท และในส่วนของโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่รัฐบาลจะสนับสนุนค่าแพ็คเกจท่องเที่ยว 40% ไม่เกิน 5,000 บาทต่อสิทธิ จำนวน 1 ล้านสิทธิ ล่าสุดมีบริษัทนำเที่ยวที่เปิดถุงเงินแล้วจำนวน 1,816 ราย บริษัททัวร์สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 741 ราย ยอดรวมมูลค่าการเดินทางและค่าใช้จ่ายการสะสม 3.3ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 12 พ.ย.64) โดยประชาชนสามารถจองแพ็คเกจทัวร์ผ่านผู้ประกอบการนำเที่ยวโดยตรง และใช้สิทธิทั้ง 2 โครงการได้ถึง 31 มกราคม 2565 เชื่อมั่นว่าปลายปีนี้ จนถึงตลอดปีหน้า กำลังการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและนอกประเทศจะกลับมา โดย ททท. ได้ตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของปี 2565 จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวพลิกฟื้นกลับมากว่า 8.8 แสนล้านบาท มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามากว่า 18 ล้านคน เฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อคนประมาณ 50,000 – 60,000 หมื่นบาท ขณะเดียวกัน ก็จะมีรายได้จากคนไทยเที่ยวในประเทศมาเสริมกว่า 160 ล้านคน-ครั้ง จับจ่ายใช้สอยเฉลี่ย 4,000 บาทต่อคนต่อทริป

“แนวโน้มการท่องเที่ยวไทยมีทิศทางดีขึ้น จากการประกาศเดินหน้าเปิดประเทศภายใต้การบริหารของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประเทศไทยสามารถดูแลเรื่องของเศรษฐกิจและสาธารณสุขควบคู่กันไปได้ ประชาชนปรับตัวอยู่กับโควิด-19 ใช้ชีวิตในรูปแบบ New Normal นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นและเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการพักผ่อนหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย มั่นใจว่าภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงปลายปีจะมีความคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดียึดมาตรการป้องกันตัวเองแบบ Universal Prevention รวมทั้งผู้ประกอบการที่พัก/โรงแรม/ ร้านค้า ร้านอาหารปฏิบัติตามข้อกำหนด COVID Free Setting อย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และร่วมกันเดินหน้าพลิกโฉมประเทศด้านการท่องเที่ยวต่อไป” นายธนกรฯ กล่าว

ซื้อของออนไลน์ที่ ลาซาด้า ช้อปสินค้าง่ายๆ ราคาถูก มีโปรโมชั่นมากมาย ☆LazMall สินค้าของแท้ 100% คืนง่ายใน 15 วัน ส่งฟรีทั่วไทย.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/3ChPiv1
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home