Tuesday, December 7, 2021

กรรมใดใครก่อ เจ้าสัวเปรมชัยล่าเสือดำ บทสรุปที่ต้องติดตาม ** “นิพิฏฐ์” อำลาปชป. ขอทำสงครามครั้งสุดท้ายในสีเสื้อ“สี่กุมาร”



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**กรรมใดใครก่อ เจ้าสัวเปรมชัยล่าเสือดำ บทสรุปที่ต้องติดตาม

คดีเสือดำ กับ เจ้าสัว “เปรมชัย กรรณสูต” ประธานบริหารและกรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก ด้วย “เปรมชัย”นั้นเป็นบุคคลมีชื่อเสียงระดับ “เจ้าสัว” ที่คุมอาณาจักรธุรกิจก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของประเทศที่มีมูลค่านับแสนล้าน แต่ถูกจับได้พร้อมพวกขณะเข้าล่าเสือดำและสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี

เรียกว่าเป็นคดี “สะท้านป่า สะเทือนใจสังคม” ที่ต่อสู้คดีกันมากว่า 3 ปี ท่ามกลางกระแสตื่นตัวของนักอนุรักษ์ และเสียงเรียกร้องประชาชน “เสือดำต้องไม่ตายฟรี” และความเท่าเทียมกันของผู้คนในสังคม ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. มีรายงานว่าศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้นัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งจะได้รู้บทสรุปกันว่า คดีนี้จะลงเอยอย่างไร ?!!

แน่นอนว่า เรื่องนี้มาถึงจุดนี้ก็ต้องสะดุดีวีรกรรมของเจ้าหน้าที่เขตอนุรักษ์ และผู้เกี่ยวข้องในระดับชั้นต่างๆ ที่ต่างทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่หวั่นไหวต่ออิทธิพลใดๆของคนระดับ “เจ้าสัวเปรมชัย”

เปรมชัย กรรณสูต
ย้อนความจำกันสักหน่อย คดีนี้เกิดขึ้นระหว่าง วันที่ 4-6 ก.พ.61เมื่อ “วิเชียร ชิณวงษ์” อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก นำกำลังเข้าจับกุม “เปรมชัย” พร้อมพวกรวม 4 คน ขณะเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ท้องที่ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พร้อมยึดของกลางประกอบด้วย ซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก

ต่อมา 19 มี.ค.62 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษ จำเลยที่ 1 “เปรมชัย” จำคุก 16 เดือน ไม่รอลงอาญา จากข้อหาดังนี้ 1. ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต พิพากษา จำคุก 6 เดือน 2. ข้อหาล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และ 3. ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ (กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักที่สุด) จำคุก 8 เดือน 4. ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 5. ข้อหาร่วมกันซ่อนเร้นซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย (กรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักที่สุด) จำคุก 2 เดือน

จำเลยที่ 2 “ยงค์ โดดเครือ” ถูกลงโทษจำคุก 13 เดือน จำเลยที่ 3 “นางนที เรียมแสน” จำคุก 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอรอลงอาญา มีกำหนด 2 ปี จำเลยที่ 4 “ธานี ทุมมาศ” รวมโทษจำคุก 2 ปี 17 เดือน และให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 4 ร่วมกันชำระค่าเสียหาย 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 4 ก.พ.61 จนกว่าจะชำระเสร็จ แก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

“เปรมชัยและยงค์” ยื่นหลักทรัพย์คนละ 400,000 บาท “ธานี ทุมมาศ” ยื่นหลักทรัพย์ 500,000 บาท เพื่อประกันตัวสู้คดีในชั้นอุทธรณ์

วิเชียร ชิณวงศ์
จากนั้น 12 ธ.ค.62 ศาลจังหวัดทองผาภูมิ อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 7 โดยพิพากษายืนความผิดของจำเลยตามศาลชั้นต้น เพิ่มโทษ “เปรมชัย” จำเลยที่ 1 เป็นจำคุก 2 ปี 14 เดือน “ยงค์” เพิ่มโทษเป็นจำคุก 2 ปี 17 เดือน “นางนที” เพิ่มโทษเป็นจำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับเงิน 40,000 บาท แต่โทษจำคุก ให้รอลงอาญา 2 ปี

ส่วน “ธานี” เพิ่มโทษเป็นจำคุก 2 ปี 21 เดือน พร้อมทั้งให้จำเลยทั้ง 4 คนร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวม 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากนี้ ศาลยังมีคำสั่งให้เพิ่มหลักทรัพย์ประกันกันตัวจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 อีกคนละ 200,000 บาท

เมื่อวันที่ 1 เม.ย.63 “เปรมชัย” จำเลยที่ 1 “ยงค์” จำเลยที่ 2 และ “ธานี” จำเลยที่ 4 ได้ยื่นคำร้องขอฎีกา โดยผู้พิพากษาได้รับรองอนุญาตให้จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ส่วน “นางนที” แม่ครัว จำเลยที่ 3 คดียุติตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 เนื่องจากอัยการโจทก์ และจำเลยไม่ติดใจยื่นฎีกา คดีจึงถือว่าสิ้นสุด

จากวันที่ถูกจับกุมจนคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เจ้าสัวและพวกต่อสู้คดีมาเป็นเวลากว่า3ปีเต็ม สุดท้ายบทสรุป คดีเจ้าสัวล่าเสือดำ กำลังจะได้รับการชี้ขาดจากศาลฎีกา ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ งานนี้ต้องติดตามกันอย่ากระพริบตา.

** “นิพิฏฐ์” อำลาปชป. ขอทำสงครามครั้งสุดท้ายในสีเสื้อ“สี่กุมาร”

“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ปิดฉาก 30 ปี และส.ส.พัทลุง 8 สมัย ภายใต้สีเสื้อประชาธิปัตย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากไปกราบลา “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานสภาที่ปรึกษาและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์… กราบลาพระแม่ธรณีบีบมวยผม ยืนซึมซับภาพอดีต บรรยากาศเก่า ที่หน้าอาคารควง อภัยวงศ์ ก่อนยืนใบลาออกกับนายทะเบียนพรรคเมื่อวันวาน (6 ธ.ค.)

นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อ 24 มี.ค.62 “นิพิฏฐ์” ที่เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และรั้งตำแหน่ง “แม่ทัพภาคใต้ ” ถูกพลพรรคภูมิใจไทย และ พลังประชารัฐ เจาะฐานที่มั่นคว้าที่นั่งส.ส.ไปหลายเก้าอี้ รวมทั้งเก้าอี้ ส.ส.เขต 2 พัทลุง ที่ “นิพิฏฐ์” ครองมา 8 สมัยด้วย

ยิ่งในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคแทน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ลาออกนั้น “นิพิฏฐ์” ก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่สนับสนุน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันอีกต่างหาก ดังนั้นบทบาทภายในพรรคจึงถูก“ด้อยค่า” ลงไปเยอะ ซึ่งเขาก็รู้ตัวดี จึงลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค

แต่เรื่องที่เสมือนฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้ “นิพิฏฐ์” ถึงกับตัดสินใจลาออกจากพรรค ก็จากเหตุการณ์เมื่อช่วงปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง “จุรินทร์”และคณะผู้บริหารพรรค “ออนทัวร์” ภาคใต้ เพื่อจัดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งครั้งหน้า

และที่ จ.พัทลุง ซึ่งมีส.ส.ได้ 3 คน มีการวางตัว “สุพัชรี ธรรมเพชร” อดีต ส.ส.พัทลุง ที่เขต 1 ส่วนเขต 3 ส่ง “นริศ ขำนุรักษ์” ส.ส.พัทลุง ลงรักษาพื้นที่เดิม ขณะที่เขต 2 ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมของ “นิพิฏฐ์” นั้นพรรคประกาศส่ง “นิติศักดิ์ ธรรมเพชร” ลูกชายของ “วิสุทธิ์ ธรรมเพชร” นายกอบจ. พัทลุง ลงแทน

ทำให้ “นิพิฏฐ์” ถึงกับพูดขึ้นมาในที่ประชุมว่า พรรคประชาธิปัตย์ยุคนี้ไม่ถามส.ส.เจ้าของเขตเก่า ตามธรรมเนียมปฏิบัติก่อนหรือ ว่ามีคนที่จะส่งแทนหรือไม่ ทำไมจึงรวบรัดตัดตอนเช่นนี้

จริงอยู่ที่ “นิพิฏฐ์” เคยประกาศไม่ลง ส.ส.เขตแล้ว แต่ก็มีคนที่อยู่ในใจแล้ว ว่าจะให้ใครลงแทน แต่นี่พรรคมารวบรัดไม่ถามความเห็นเจ้าของพื้นที่เดิมเลย จึงถือว่า “ไม่เห็นหัว”กัน แล้วอย่างนี้ก็เท่ากับว่าตัวเขา “ไม่มีที่ยืน” ในพรรคแล้ว จึงประกาศว่าจะลาออก เพราะเห็นว่าพรรคไม่ให้ เกียรติ

เขายังโพสต์ว่าการที่ผู้บริหารพรรคยุคนี้ไม่ให้เกียรตินี่เอง จึงทำให้พรรคสูญเสียคนอย่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และ “กรณ์ จาติกวณิช” ไป

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
เรื่องที่ประชาธิปัตย์ “เลือดไหลออก” นี้ มีผู้สื่อข่าวไปถาม “จุรินทร์” หัวหน้าพรรคว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็ได้รับคำตอบเหมือนไม่ยี่หระว่า ต้องมองทั้ง 2 ด้าน จะมาดูเฉพาะทางพรรคอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูตัวบุคคลด้วยว่าแต่ละคนที่ออกไปนั้นเขามีเหตุผลอะไร ก็ต้องให้เขาเป็นผู้ตอบ พรรคคงไปตอบแทนไม่ได้…

“นิพิฏฐ์” ประกาศว่าเมื่อออกจากพรรคไปแล้ว จะไม่หวนกลับมา …เหมือน “ม้าดี ไม่กลับมากินหญ้ารางเก่า” โดยจะไปสังกัดพรรคใหม่ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

มีกระแสข่าวว่าเป็นพรรคของกลุ่ม“สี่กุมาร” โดย “นิพิฏฐ์”จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคและเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง ร่วมกับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์-อุตตม สาวนายน และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ซึ่งเตรียมเปิดตัวพรรคปลายเดือนมกราคม 65 และจะลงสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรับบทแม่ทัพภาคใต้ของพรรคด้วย

…การเลือกตั้งครั้งหน้า เหมือนเป็นการทำสงครามครั้งสุดท้าย จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่มีอะไรแน่นอน นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมก็ต้องจงรักภักดีกับพรรคที่ไปสังกัดใหม่ ผมสู้ให้พรรคประชาธิปัตย์ยังไง ผมก็จะทำให้พรรคใหม่เป็นสองเท่า เพราะถือเป็นสงครามครั้งสุดท้ายที่จะทำให้กับพรรคการเมืองนี้…

ก็ต้องจับตาว่าเส้นทางการเมืองของ “นิพิฏฐ์” ในสีเสื้อใหม่ ในสนามเลือกตั้งภาคใต้ ที่หลายพรรคจ้องจะปักธงนั้น จะยังคงทอดยาว รองรับอนาคตของเขาหรือไม่

ซื้อของออนไลน์ที่ ลาซาด้า ช้อปสินค้าง่ายๆ ราคาถูก มีโปรโมชั่นมากมาย ☆LazMall สินค้าของแท้ 100% คืนง่ายใน 15 วัน ส่งฟรีทั่วไทย.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/3lEPCyp
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home