Saturday, August 6, 2022

นายกฯ ๒ รัฐธรรมนูญ



สรุป ๓ ความคิด “ลุงตู่ ๘ ปี” มีดังนี้

ความคิดแรก อยู่ได้แค่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๕

เหตุผลคือ รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ไม่ได้บัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลให้มีการยกเว้นการนำมาตรา ๑๕๘ วรรคสี่ มาบังคับใช้กับนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนหน้ารัฐธรรมนูญประกาศใช้

ฉะนั้นระยะเวลา ๘ ปีตาม ม.๑๕๘ วรรคสี่ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเริ่มนับตั้งแต่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๔  สิงหาคม ๒๕๕๗ 

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ถึงเพียงไม่เกินวันที่ ๒๔ สิงหาคมที่จะถึงนี้

ความคิดที่สอง อยู่ได้จนถึงปี ๒๕๗๐

เหตุผลคือ เนื่องจากหลักกฎหมายทั่วไปและหลักนิติธรรม ไม่บังคับใช้กฎหมายย้อนหลังเป็นโทษแก่บุคคล ถ้าจะบังคับใช้ต้องบัญญัติไว้ให้ชัดเจน

ถ้ารัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประสงค์จะให้บังคับใช้ย้อนหลัง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ก็จะต้องบัญญัติไว้ให้ชัดเจน

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี ๒ ครั้งตามที่กล่าวไว้

ครั้งที่ ๑ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ๒๕๕๗ 

และครั้งที่ ๒ ตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ 

กรณีนี้รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ม.๑๕๘ วรรคสี่ จึงเพิ่งจะบังคับใช้กับ พล.อ.ประยุทธ์ นับตั้งแต่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ ๒  เมื่อวันที่ ๙ มิ.ย. ๒๕๖๒

ฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงจะดำรงตำแหน่งครบ ๘ ปีในปี ๒๕๗๐

และความคิดที่สาม อยู่ได้ถึงปี ๒๕๖๘ 

เหตุผลคือ รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ประกาศบังคับใช้เมื่อ  ๖ เมษายน ๒๕๖๐ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาอยู่ในบังคับของ ม.๑๕๘ วรรคสี่ ตั้งแต่วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐ 

ดังนั้นการนับระยะเวลา ๘ ปี ต้องเริ่มนับแต่จุดนั้น ซึ่งจะไปครบในปี ๒๕๖๘ นั่นเอง

ครับ…หากรัฐธรรมนูญของไทยใช้มาฉบับเดียวต่อเนื่องยาวนาน กรณีนี้จะไม่เกิดขึ้น ต่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในภายหลังว่าห้ามนายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งเกิน ๘ ปีก็ตามที

เพราะจะไปย้อนหลังกับบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคาบเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้

รัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายมหาชน (Public Law)  บังคับใช้ย้อนหลังได้หรือไม่ นักกฎหมายต่างก็รู้กันดี

ที่ยกกรณีรัฐธรรมนูญฉบับเดียวมีการบังคับใช้ยาวนานแล้วมาแก้ไขทีหลัง ก็เพื่อเปรียบเทียบกับกรณีรัฐธรรมนูญ ๒ ฉบับที่บังคับใช้ต่อเนื่องกัน ซึ่งบัญญัติไม่เหมือนกันจะตีความกฎหมายอย่างไร

สมมุติว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ที่้กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีห้ามเกิน ๘ ปี มาตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ แน่นอนครับ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งในวันที่ ๒๔  สิงหาคม นี้

สมมุติต่อครับว่า รัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ไม่ได้กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีไว้ แต่เพิ่งจะมีการแก้ไขเพิ่มเติม เมื่อปี ๒๕๖๐ ให้ดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน ๘ ปี

พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ จะพ้นตำแหน่งปีไหน?

ถ้าตีความย้อนหลังก็หมดวาระ ๒๔ สิงหาคมนี้เหมือนเดิม

แต่หากหลักกฎหมายระบุว่าห้ามตีความย้อนหลัง ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งปี ๒๕๖๐ ใช่หรือไม่

ครับ…ถ้าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับเดียว ต่อให้มีการแก้ไขระหว่างทาง การตีความจะไม่ยาก

แต่พอเป็นรัฐธรรมนูญ ๒ ฉบับต่อเนื่องกัน ปัญหามันก็เกิด

มีทั้งปัญหาข้อกฎหมายว่าจะตีความแบบไหน และปัญหาความไม่ชอบในตัวรัฐธรรมนูญที่มองว่าเป็นเผด็จการ

เช่นที่ “ชูชาติ ศรีแสง” อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา โพสต์เอาไว้ในเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng

“…เกี่ยวกับการนับระยะเวลาการดำรงแหน่ง นายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน

มาตรา ๑๕๘ พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคน ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน

นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๕๙

ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่  แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตําแหน่ง

บทบัญญัติในมาตรา ๑๕๘ วรรคสี่ ที่ว่า นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้นั้น ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๕๘ วรรคสอง ที่ว่า นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๕๙

มาตรา ๑๕๙ ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๖๐ และเป็นผู้มีชื่ออยู่ ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา ๘๘ เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรค การเมืองที่มีสมาชิก ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

การเสนอชื่อตามวรรคหนึ่งต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกระทําโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๕๘ วรรคสอง โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ คิดถึงปัจจุบันเป็นเวลาเพียง ๓ ปี ๑ เดือน ๖ วันเท่านั้น

การเป็นนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ก่อนวันที่  ๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ มิได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา  ๑๕๘ วรรคสอง จึงนำเวลามารวมกันตามมาตรา ๑๕๘  วรรคสี่ ไม่ได้

การอ่านและตีความกฎหมายในกรณีที่มีหลายวรรคนั้น ต้องพิจารณาประกอบกันทุกวรรค มิใช่นำมาพิจารณาใช้เพียงวรรคเดียวโดยมิได้นำวรรคอื่นมาพิจารณาประกอบด้วย…

ในแง่กฎหมายอาจตีความต่างกันได้ แต่ไม่ถูกใจก๊วนไล่ “ลุงตู่” แน่นอน

“ท่านชูชาติ” ไม่นำวาระการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ๒๕๕๗ มาเกี่ยวข้อง เพราะมิได้กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นรัฐธรรมนูญคนละฉบับ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้รับเลือกจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการเลือกตามมาตรา  ๑๕๗ ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ 

จึงต้องนับ ๑ ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ 

ครบ ๘ ปีในปี ๒๕๗๐     

แต่สุดท้ายแล้วจะตีความ ความต่อเนื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ๒๕๕๗ กับรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ อย่างไร

อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญครับ.

ซื้อของออนไลน์ที่ shopee ช้อปสินค้าง่ายๆ ราคาถูก มีโปรโมชั่นมากมาย ☆ShopeeMall สินค้าของแท้ 100% คืนง่ายใน 15 วัน ส่งฟรีทั่วไทย.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/jfkTV0A
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home