Monday, November 21, 2022

“มาครง” ได้ใจ หลงไหลเสน่ห์วัฒนธรรมไทย !!



เมืองไทย 360 องศา

เสร็จสิ้นกันไปแล้วสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเซีย-แปซิฟิกครั้งที่ 29 หรือ “เอเปค 2022” ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งมองจากภาพการประชุมเชื่อว่าหลายคนเห็นตรงกันว่า “ประสบความสำเร็จ” ในทุกด้าน เพราะสามารถผลักดันวาระการประชุมเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งในฐานะเจ้าภาพคือไทยในเรื่อง “เศรษฐกิจบีซีจี(BCG) ที่เป็นเศรษฐกิจในยุคอนาคต เกี่ยวข้องกับบสิ่งแวดล้อม ผลักดันวาระเขตเศรษฐกิจเสรีเอเปค (FTAAP)ซึ่งเป็นเขตการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้ขับเคลื่อนต่อไป และที่น่าสนใจก็คือ ในการประชุมครั้งนี้มีวาระการประชุมที่เน้นในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เป็นหลัก ขณะที่ปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาค และมหาอำนาจถูกลดทอนลงไป โดยเฉพาะไม่ได้เห็นการ “วอล์กเอาต์” ในที่ประชุมระหว่างที่ตัวแทนประเทศคู่ขัดแย้งบางประเทศกล่าวปราศรัย

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นภาพรวมใหญ่ๆ ในวงการประชุมเอเปค ที่เอาเข้าจริงยังเป็นภาพกว้างๆ เป็นเรื่องอนาคต และเป็นเวทีของผู้นำและตัวแทนจากเขตเศรษฐกิจได้มาพบปะพูดคุยแสดงวิสัยทัศน์ แต่สิ่งที่ต้องโฟกัสให้เห็นก็คือ การหารือแบบทวิภาคีกับบางประเทศดังที่เห็นกันไปแล้วระหว่างการประชุมแบบย่อยที่แยกออกมา ซึ่งบางประเทศมีการ “จัดเต็ม” ทั้งการต้อนรับ และการมาเยือนของ “แขกพิเศษ” คนสำคัญ

สิ่งที่ประเทศไทยจะได้ทันทีก็คือ “ภาพลักษณ์” ในด้านเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการประชุมเอเปคคราวนี้ เอาเฉพาะจำนวนแขกที่มาร่วมราว 5 พันคน มีเงินสะพัดนับหมื่นล้านบาท ที่สำคัญมีบรรดาสื่อมวลชนจากทั่วโลกมารายงานข่าวการประชุมคราวนี้จำนวนมาก เพราะนี่คืองานระดับโลก และภาพที่เห็นก็ยืนยันได้ว่าไทยจัดงานได้สมบูรณ์แบบ จนได้รับคำชมจากผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ที่เอ่ยปากยกย่องไทยว่าจัดงานได้ระดับ “เวิลด์คลาส” สมบูรณ์แบบ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีนางรีเบคกา สตามาเรีย ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ได้กล่าวในการประชุมของเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ว่า ชื่นชมการเป็นเจ้าภาพงานประชุมเอเปค 2022 ของไทยในปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ผู้นำจากเขตเศรษฐกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถกลับมาประชุมแบบพบหน้ากัน ในแง่โลจิสติกส์ สถานที่ต่างๆ ของไทยถือว่าอยู่ในระดับเวิลด์คลาส และจัดการได้เยี่ยมยอด เป็นการจัดเตรียมงานที่เป็นเลิศ เอาใจใส่ดูแลให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีความปลอดภัยทั้งจากการเดินทางและจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่ในแง่สารัตถะก็สามารถทำให้เกิดความคืบหน้าท่ามกลางความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จปีหนึ่งของเอเปค

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำเอเปค จากทุกเขตเศรษฐกิจได้ร่วมรับรอง ปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ค.ศ. 2022 รวมทั้งได้ร่วมรับรอง “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG” หรือ “Bangkok goals on BCG Economy” ซึ่งทั้งในช่วงระหว่างการประชุมฯและระหว่างการหารือแบบทวิภาคี ผู้นำเอเปคฯ ได้กล่าวชื่นชมความริเริ่มที่ประเทศไทยได้นำเสนอแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในการประชุมฯครั้งนี้ และเชื่อมั่นว่าโมเดลเศรษฐกิจ BCG จะสร้างการเติบโตของประเทศ และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ริเริ่มโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “โมเดลเศรษฐกิจ BCG ” ตัว “B” คือ Bioeconomy หรือเศรษฐกิจชีวภาพ ตัว “C” คือ Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน และตัว “G” คือ Green Economy หรือเศรษฐกิจสีเขียว โดยมุ่งหวังให้เป็นกลไกยกระดับสถานะของประเทศทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในประชาคมโลก ทั้งนี้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ของประเทศไทยมีความสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) มากถึง 13 จาก 17 เป้าหมาย

จากการริเริ่มนำโมเดลเศรษฐกิจ BCG มาขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศในระยะเวลาประมาณ 2 ปี สามารถเริ่มเห็นผลที่เป็นรูปธรรม สอดรับกับเป้าหมายกรุงเทพ (Bangkok goals) ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG ที่ประเทศไทยได้มีการนำเสนอในการประชุมผู้นำเอเปคในครั้งนี้ โดยรัฐบาลได้ดำเนินการด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นั่นเป็นภาพสะท้อนออกมาจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่แสดงความชื่นชมการจัดงานของไทย ซึ่งจะว่าไปแล้วไทยเราก็ห่างหายจากการจัดงานระดับโลกมานานหลายปีจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด19 ดังนั้นเมื่อกลับมาอีกครั้งและผลงานออกมาจนได้รับคำชมแบบนี้ เชื่อว่าหลังจากนี้ไปในเรื่อง “ภาพลักษณ์” เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ก็จะกลับคึกคักอีกครั้งอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าพิจารณาควบคู่ไปกับผลสำเร็จในการประชุม เอเปค คราวนี้ก็คือ ของประธานาธิบดีฝรั่งเศส “เอมมานูเอล มาครง” ที่มาในฐานะ “แขกพิเศษ” ของรัฐบาล ที่ถือว่าได้สร้างความประทับใจให้กับคนไทยไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่าจะเป็นการเยือนไทยครั้งแรก แต่ก็เรียกว่า “ได้ใจ” ไปเต็มๆ กับบุคลิกที่เป็นกันเอง สบายๆ และที่สำคัญเขาแสดงออกด้วยการ “หลงไหลวัฒนธรรมไทย” ชื่นชอบวิถีชีวิตไทยๆ จนเรียกเสียงกรี๊ดกันดังลั่นถนนประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนนี้เดินทางไปเยี่ยมชม

ภาพที่เขาไปเยี่ยมชม “ศิลปมวยไทย” ที่สนามมวยราชดำเนิน เป็นการส่วนตัว เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยเขาให้ความสนใจศิลปมวยไทย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง มีการชมการแข่งขันบนเวที มีการพูดคุยถ่ายภาพร่วมกับนักมวย และนักเรียนชาวฝรั่งเศสในไทย และคนไทยที่มาต้อนรับ และหลังจากนั้น นายมาครง ยังทวิตข้อความและแพร่คลิปการไปชมมวยที่เวทีราชดำเนินในทวิตเตอร์ส่วนตัว @EmmanuelMacron ที่มีผู้ติดตามกว่า 8.8 ล้านคนอีกด้วย

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเอมานูเอล มาครง ไปเยี่ยมชมวัดโพธิ์ มีการชื่นชม “พระนอน” ที่เขาบอกว่าสวยงามที่สุดในโลก และยังได้ไปเยาวราชหรือ “ไชน่าทาวน์” ของไทยอันโด่งดัง ซึ่งในคลิปที่เผยแพร่ออกมาให้เห็นเป็นภาพบรรยากาศเป็นกันเอง สบายๆ มีการทักทายประชาชนไปตลอดทาง รวมถึงมีการนั่งดื่มเครื่องดื่มในร้านแห่งหนึ่ง และในช่วงหนึ่งมีการอุ้มเด็กทารกขึ้นมาหอมแก้ม สร้างความประทับใจให้กับคนไทย และนักท่องเที่ยวที่พบเห็น และเรียกเสียงกรี๊ดเป็นระยะ ซึ่งต่อมามีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวออกมาเผยแพร่อีกด้วย

แน่นอนว่าภาพที่ปรากฏดังกล่าวย่อมเป็นการสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทย มีเสน่ห์น่าหลงไหลและน่าค้นหาเพียงใด เพราะแม้แต่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอมมานูเอล มาครง ยังต้องปลีกเวลาอันจำกัดมาชื่นชมด้วยตัวเอง และนั่นก็น่าจะมาจากการได้รับข้อมูลมาก่อนหน้านี้ ว่าไทย และกรุงเทพฯเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก มีชื่อเสียงในเรื่องอาหาร ที่พักมีคุณภาพ ราคาไม่แพง และมีความปลอดภัย ซึ่งนี่คือ “ซอฟต์ เพาเวอร์” ของไทยอันน่าหลงไหล อย่างน้อยก็มี “มาครง” อยู่ในนั้นแน่นอน !!

ซื้อของออนไลน์ที่ shopee ช้อปสินค้าง่ายๆ ราคาถูก มีโปรโมชั่นมากมาย ☆ShopeeMall สินค้าของแท้ 100% คืนง่ายใน 15 วัน ส่งฟรีทั่วไทย.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/JCSlpQ7
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home