วงการทูตการทหารปั่นป่วน : จรวดลงโปแลนด์มาจากไหน?
กลายเป็นเรื่องร้อนแรงเมื่อระเบิดไปลงในเขตโปแลนด์ ห่างจากชายแดนยูเครนเพียง 10 กิโลเมตร
คำถามที่เกิดขึ้นทันทีคือ ขีปนาวุธนั้นมาจากไหน?
ตอนเกิดข่าวใหม่ๆ ยูเครนชี้นิ้วไปที่รัสเซีย มอสโกปฏิเสธ ต่อมาอีกไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งประชุม G-20 อยู่ที่บาหลีบอกว่า ขีปนาวุธนั้นไม่น่าจะมาจากรัสเซีย
ต่อมาเลขาธิการนาโตบอกว่า “การสอบสวนเบื้องต้น” ชี้ไปว่าอาจจะมาจากระบบต่อต้านอากาศยานของยูเครนที่กำลังสกัดขีปนาวุธของรัสเซีย
กลายเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครมีเจตนาจะให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝั่งรัสเซียหรือยูเครน
แต่นาโตก็ยังยืนยันว่า เรื่องอย่างนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากรัสเซียไม่รุกรานยูเครน
ทันทีทันใดนั้นแวดวงการทูตระหว่างประเทศก็ตกอยู่ในภาวะสับสนวุ่นวาย
เกิดวิวาทะว่าใครเป็นผู้ต้องรับผิดชอบกันแน่
เพราะขีปนาวุธที่ตกลงในหมู่บ้านที่ชื่อ Przewodow ในโปแลนด์ที่ใกล้กับพรมแดนยูเครนนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน
และเกิดขึ้นหลังจากรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธโจมตียูเครนระลอกใหม่ทั่วประเทศเพียงวันเดียว
ไม่กี่วันหลังจากถอนทหารออกจากเมืองแคร์ซอนทางใต้ของยูเครน ที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะโปแลนด์เป็นสมาชิกนาโต
เลขาธิการนาโตบอกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะมาจากระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของยูเครน
เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตย้ำว่า รัสเซียเป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบต่อการรุกรานยูเครนที่ทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้
รัฐบาลยูเครนย้ำว่า ขีปนาวุธที่ก่อเรื่องนี้เป็นของกองทัพรัสเซีย
ประธานาธิบดีเซเลนสกียืนยันว่า “ผมเชื่อมั่นว่า นั่นไม่ใช่ขีปนาวุธของเรา”
และเรียกร้องให้ตัวแทนของยูเครนได้เข้าร่วมในการสอบสวนกรณีนี้ด้วย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ข้อกล่าวหาจากยูเครนเป็น “การจงใจยั่วยุให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น”
ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ ประธานาธิบดีอันเดรจ ดูดา ของโปแลนด์ บอกว่า ทีมสืบสวนกำลังเร่งประเมินความเป็นไปได้ทั้งหมด
เขาบอกว่ายังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าใครคือผู้ยิงขีปนาวุธลูกนี้
ตอนแรกก็เชื่อว่ามาจากรัสเซีย แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเขาบอกว่า “มีความเป็นไปได้สูง” ที่ขีปนาวุธดังกล่าวมาจากระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน
และมีความโน้มเอียงที่จะเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นอุบัติเหตุ ไม่มีฝ่ายใดเจตนาจะโจมตีโปแลนด์แต่อย่างใด
เหตุระเบิดเกิดระหว่างที่ผู้นำโลกกำลังร่วมการประชุมจี 20 ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย จึงทำให้เกิดความโกลาหลในแวดวงการทูตทันที
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกมาบอกว่า “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่รัสเซียจะยิงขีปนาวุธลูกนี้
และบอกว่าได้ยกหูพูดคุยกับประธานาธิบดีโปแลนด์แล้ว
ผู้นำชาติตะวันตกที่ไปร่วมประชุมจี 20 ออกแถลงการณ์ประณาม “การโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ป่าเถื่อน” ของรัสเซียต่อเมืองต่างๆ ทั่วยูเครน
จีนวางตัวเป็นผู้ใหญ่ ขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบและใช้ความอดทนอดกลั้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่อยากเห็นสถานการณ์บานปลาย
เพราะโปแลนด์เป็นสมาชิกนาโต เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นร้อน
เพราะหากโปแลนด์ถูกโจมตีจริง ก็อาจเข้าข่ายที่โปแลนด์จะขอความช่วยเหลือด้านการทหารจากนาโตได้
โดยมีการอ้างถึงการที่อาจจะขอใช้มาตรา 4 ของสนธิสัญญานาโต
นั่นหมายความว่าโปแลนด์มีสิทธิ์ขอ “หารือ” ต่อที่ประชุมนาโตถึงข้อกังวลว่ากรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นภัยคุกคามต่อบูรณภาพแห่งดินแดน เอกราชทางการเมือง หรือความมั่นคงของชาติหรือไม่
หากที่ประชุมเห็นว่าเป็นภัยคุกคามจริงก็อาจจะนำไปสู่การใช้มาตรา 5 ซึ่งหมายความว่าชาติสมาชิกนาโตทั้งหมดต้องเข้าร่วมกันปกป้องชาติสมาชิกที่ถูกโจมตี
ตามหลัก One for All and All for One หมายความว่า สมาชิกทั้งหมด 30 ประเทศ ถือว่าสมาชิกใดถูกโจมตีหรือคุกคามก็เท่ากับคุกคามสมาชิกทั้งหมด
โปแลนด์ระบุว่า ขีปนาวุธที่ตกลงมาในดินแดนของตนอาจเป็นจรวดรุ่น S-300
ซึ่งเป็นระบบขีปนาวุธยุคสหภาพโซเวียตที่มีใช้ทั้งในยูเครนและรัสเซีย
S-300 เป็นชื่อรุ่นของขีปนาวุธพื้นสู่อากาศที่พัฒนาโดยสหภาพโซเวียต ถูกใช้งานครั้งแรกในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 หลังใช้เวลาพัฒนา 10 ปี
แต่ S-300 มีหลายรุ่น ซึ่งมีศักยภาพทางเทคนิคและพิสัยการยิงต่างกันไป
รุ่นมาตรฐานจะมีพิสัยการยิงไกลที่สุด 150 กิโลเมตร และมีหัวรบหนัก 133-143 กิโลกรัม
แต่ไม่อาจจะระบุชัดเจนว่าขีปนาวุธที่ลงไปในหมู่บ้านโปแลนด์นั้นเป็นประเภทใด
ประเทศที่ใช้งานขีปนาวุธประเภทนี้ มีทั้งรัสเซีย ยูเครน และอีก 18 ประเทศ รวมทั้งประเทศสมาชิกนาโต เช่น กรีซ สโลวัก และบัลแกเรีย
รัสเซียเคยขายขีปนาวุธ S-300 ให้แก่หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเวเนซุเอลา จีน อิหร่าน อียิปต์
รัสเซียใช้ขีปนาวุธ S-300 ในซีเรีย และติดตั้งขีปนาวุธนี้ในคาบสมุทรไครเมียเช่นกัน
พอเกิดเรื่องนี้ ยูเครนก็ร้องขอให้นาโตช่วย “ปิดน่านฟ้า” ของตนไม่ให้รัสเซียถล่มโจมตีทางอากาศอย่างหนักอย่างที่ทำมาหลายรอบ
แต่นาโตก็ยังไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องนี้ เพราะกลัวว่าหากทำเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการเปิดหน้าชกตรงกับรัสเซียบนน่านฟ้าของยูเครน
เท่ากับทำให้สงครามบานปลายกลายเป็นสงครามระหว่างรัสเซียกับนาโต
ซึ่งจะกลายเป็นสถานการณ์ที่อาจจะอยู่เหนือการควบคุมของทุกฝ่าย และอาจจะนำไปสู่สงครามทั่วทวีปยุโรป
อันเป็นฉากทัศน์ที่ไม่พึงปรารถนาอย่างยิ่งสำหรับคนทั้งโลก!.
The post วงการทูตการทหารปั่นป่วน : จรวดลงโปแลนด์มาจากไหน? appeared first on .
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/9Xa0jzl
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home