ปฏิบัติการเชือด “ผู้การเมืองชล” ดีชั่วอยู่ที่ตัวคน เปิดเส้นทางไม่ธรรมดา “กรวัฒน์ – กิตติ์ธเนศ” **“เสี่ยหนู”ไม่กล้าจีบ“หมอตี๋”เข้าภท.เพราะไม่มีตำแหน่งให้ บอกอยู่ปชป. อนาคตดีอยู่แล้ว
ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ปฏิบัติการเชือด “ผู้การเมืองชล” ดีชั่วอยู่ที่ตัวคน เปิดเส้นทางไม่ธรรมดา “กรวัฒน์ – กิตติ์ธเนศ”
แม้จะเกมโอเวอร์ไปแล้วสำหรับ 2 นายตำรวจคนดังแห่งภาคตะวันออก แต่ดูเหมือนว่าสังคมยังให้ความสนใจโดยเฉพาะเบื้องหน้าเบื้องหลัง และบางกระแสข่าวที่ว่าทั้ง “พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์” อดีต รอง ผบก.จ.ชลบุรี กับ “พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน” ผบก.จ.ชลบุรี เคยมีแผลความหลังฝังใจกับ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ฝ่ายสืบสวนมาก่อน
ประวัติและเส้นทางของ “รองโจ” หรือ พ.ต.อ.กรวัฒน์ นั้นเติบโตมาจากนักเรียนนายร้อยอบรม เป็นชาวบางพลี จ.สมุทรปราการ ช่วงรับราชการระดับสารวัตรประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล ถือว่า เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง มีมนุษย์สัมพันธ์ดีกับนักข่าวสายอาชญากรรม เคยรับราชการทำหน้าที่ สารวัตรสืบสวน สน.ประชาชื่น สน.อุดมสุข เป็นรอง ผกก.สส.บก.น.1 รอง ผกก.สส.บก.น.5 ผกก.สภ.บางพลี ผกก.สภ.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ ผกก. สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี ผกก.ฝอ.บก.สกส.บช.ปส. และขึ้นเป็นรอง ผบก.จ.ชลบุรี เมื่อปี 2562 ยังเหลืออายุราชการอีก 2 ปี และมีข่าวว่า พ.ต.อ.กรวัฒน์ มีอุดมการณ์การเมืองฝั่งเสื้อแดง กำลังเตรียมพร้อมลงเล่นการเมืองท้องถิ่นที่บ้านเกิด โดยยื่นเออลี่ฯไปแล้ว ซึ่งจะมีผลในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก่อนเกิดเรื่องฉาวโฉ่
ส่วนประเด็นคาใจกับ “บิ๊กโจ๊ก” ที่มีการปล่อยข่าวเพื่อหวังดิสเครดิตนายตำรวจคนดังนั้น มาจากช่วง “พ.ต.อ.กรวัฒน์” รับตำแหน่งเป็น ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เมื่อปี 2558 ขณะนั้น “พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน” เป็น ผบช.ภ.1 เกิดคดีคนสติแตกจากยาเสพติด คว้ามีดไล่ฟันตำรวจ และถูกวิสามัญฯบนโรงพัก คดีนี้เป็นประเด็น สังคมให้ความสนใจมีญาติคนตายติดใจการกระทำของตำรวจ และมีข่าวว่า “บิ๊กโจ๊ก”ให้ความสนใจคดีนี้เช่นกัน โดยขอให้ “พ.ต.อ.กรวัฒน์” พิจารณาคดีอย่างตรงไปตรงมา แต่ต้องคำนึงถึงขวัญ กำลังใจเจ้าหน้าที่ด้วย แต่ทางฝ่าย “พล.ต.ท.อำนวย” ก็ลงมาจี้คดีอย่างใกล้ชิดจนสรุปสำนวนสั่งฟ้องตำรวจมือวิสามัญฯ ขึ้นโรงขึ้นศาลนานหลายปี ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกตำรวจมือปืน 4 ปี ศาลอุทธรณ์จำคุก 2 ปี แต่พอถึงศาลฎีกา ยกฟ้อง
นี่คือแผลเก่าที่ถูกยกมาเป็นแค้นฝังใจ ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ “พ.ต.อ.กรวัฒน์” ย่อมรู้แก่ตน ทำนองดีชั่วอยู่ที่ตัวตน คงไม่มีใครจะกล้าใส่ความทำดำให้เป็นขาว หรือขาวให้เป็นดำ ได้ง่ายๆ
“พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน” อดีต ผบก.จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาอีกคนหนึ่งที่มีประเด็นทางการเมืองเข้ามาสอดแทรก มีเป้าตรงไปยัง “บิ๊กโจ๊ก” ประมาณว่าปฏิบัติการเด็ดปีกบิ๊กตำรวจชลบุรี มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ส่วนความเป็นมามีผู้โยงใยกันอย่างไร ลองพิจารณาข้อมูลต่อไปนี้
ประวัติคร่าวๆ ของอดีตบิ๊กตำรวจภาคตะวันออกรายนี้ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 49 เส้นทางชีวิตราชการขอรวบรัดมาช่วงโค้งสำคัญ โดยวงการทราบกันดีว่าเขาคือเด็กปั้นของ “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภาฯ ปี 2548 ดำรงตำแหน่ง ผกก.สส. บก.น.9 รับผิดชอบพื้นที่แถวท่าข้าม ทุ่งครุ อันมีตะเข็บด้านหนึ่งติดกับ จ.สมุทรปราการ ด้านหนึ่งสมุทรสาคร ก่อนขึ้นมาเป็น รอง ผบก.จ.ตรัง พื้นที่การเมืองของ “นายหัวชวน” ในปี 2561 แต่ปรากฏว่า “พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ” ไม่ค่อยนั่งทำงานที่ตรัง กลับพบว่าเขายังคงติดตามนายชวน ไปไหนมาไหนตลอดรวมทั้งเป็นตัวแทน นายหัวชวน นำกระเช้าไปอวยพรวันเกิด “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน มีภาพข่าวปรากฏไปทั่ว และเชื่อว่าจากความสัมพันธ์ครั้งนั้น คือโอกาสส่งผลให้ “พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ” ได้แรงดันพิเศษขึ้นมารั้งตำแหน่ง ผบก.จ.ชลบุรี เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือตำแหน่งนี้เป็น “เก้าอี้ทองคำฝังเพชร” พื้นที่ระดับ AAAA ในฝันของนายตำรวจทุกคน
นั่งบริหารงานอยู่เพียง 1 เดือน ก็เกิดเรื่องงามหน้าซ้ำๆ ซากๆ เช่นกรณีคลับวัน- พัทยา เมื่อถูกฝ่ายปกครองกับ จนท.ตำรวจสนธิกำลังเข้าตรวจค้นนอกจากพบยาเสพติดหลากหลายชนิดทิ้งเกลื่อนพื้น ยังมีเสียงด่าทอ เชิงประจานของกลุ่มทุนจีนเทาที่ไม่พอใจ ประมาณว่าจ่ายแล้วทำไมยังจับ แต่ที่ลุกลามกลายเป็นหายนะก็คือ คดีแก๊งเงินกู้สำแดงเดช ที่ พูลวิลล่า แห่งหนึ่ง ทั้งใช้ด้ามปืนตบ และยิงปืนข่มขู่กลุ่มลูกหนี้ นับว่าเป็นความอุกอาจ มีพฤติการณ์ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เป็นอันตรายต่อสังคม จนเกิดคำถามว่าหรือมีใครหนุนหลังให้พวกนี้
แล้วสังคมก็ได้คำตอบเมื่อมีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล พบว่า 2 คนรับสมอ้างแทนผู้ต้องหาตัวจริงโดย “ผู้ต้องหาปลอม” นั้นเป็นเด็กใน บก.น.9 พื้นเพแถวท่าข้าม หรืออันเป็นถิ่นเก่าของ “พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ” ซึ่งสอดคล้องกับคำซัดทอดของ “พ.ต.อ.กรวัฒน์”
จึงเป็นการเชื่อมโยงอย่างสมเหตุสมผล ส่วนที่เหลือคือการตามกระแสการเงินของบิ๊กตำรวจทั้งสอง หากพลาดจะกลายเป็นหลักฐานมัดตัว ไม่เพียงแต่ถูกไล่ออกจากราชการพวกเขายังมีคุกตะรางรออยู่ข้างหน้า
ทั้งหลายทั้งมวล การยกความขัดแย้งทางการเมืองมาเจือสมกับพฤติการณ์ชั่วในแวดวงสีกากี เพื่อหวังอะไรหลายคนคงมองออก ถึงจะเป็นไปได้ อาจมาจากเหตุผลที่ขาใหญ่ บ้านใหม่กำลังสองจิตสองใจ จะอยู่จะไป จะร่วมเป็นร่วมตายกับนายเก่าหรือไม่ สุดท้ายแล้วกรรมคือผลของการกระทำ
ถ้าไม่นอกลู่นอกรอย ไม่เลวร้ายจนเกินเลยคงไม่เกิดเรื่องราวเช่นนี้ ใช่หรือไม่ !!?
** “เสี่ยหนู”ไม่กล้าจีบ“หมอตี๋”เข้าภท.เพราะไม่มีตำแหน่งให้ บอกอยู่ปชป. อนาคตดีอยู่แล้ว
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีภาพข่าว รายงานโดยเพจเฟซบุ๊ก “สยามโพสต์” เรื่องโต๊ะอาหารกลางวันมื้อสำคัญ…ในภาพมี “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับ“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และมี “หมอตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ“พลพีร์ สุวรรณฉวี “ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ร่วมโต๊ะด้วย ระบุพิกัดว่า เป็นร้านอาหารแห่งหนึ่งแถว ถนนศาลาแดง ซอยยมราช เขตสาทร
ภาพนี้ถูกตีความทางการเมืองออกมาทันทีว่า “เสี่ยหนู” กำลังจีบ “หมอตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ บ้านใหญ่เมืองระยองมาร่วมพรรค ส่วน“อภิสิทธิ์” จะมาด้วยหรือไม่ ยังเป็นคำถาม
การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว จ.ระยอง มีส.ส.ได้ 4 คน เป็นของประชาธิปัตย์ 3 คนคือ เขต 1 สาธิต ปิตุเตชะ , เขต 2 บัญญัติ เจตนจันทร์ , เขต 3 ธารา ปิตุเตชะ ส่วนเขต 4 สมพงษ์ โสภณ จากพรรคพลังประชารัฐ
เลือกตั้งครั้งใหม่นี้ จ.ระยอง มีส.ส.เขตได้ 5 คน หาก“ภูมิใจไทย” ได้บ้านใหญ่เมืองระยองมาร่วมพรรค โอกาสที่จะปักธง สยายปีกในภาคตะวันออก ก็ดูจะสดใส ขณะเดียวกันประชาธิปัตย์ ก็คงจะซีดเซียวหนักขึ้นไปอีก
แต่แล้ว“หมอตี๋” ก็ออกมาเฉลยว่าโต๊ะอาหารมื้อนั้น เป็นช่วงหลังจากเสร็จสิ้นงานฌาปนกิจศพพี่ชายของตน จึงได้ไปรับประทานอาหาร วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองกัน ไม่เกี่ยวกับเรื่องภายในพรรคประชาธิปัตย์ และไม่ได้พูดคุยถึงอนาคตทางการเมืองของ“อภิสิทธิ์” จะกลับเข้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ แต่ยืนยันได้ว่าตนเองยังอยู่ประชาธิปัตย์ ไม่ได้ย้ายไปไหนแน่นอน
เช่นเดียวกับ “เสี่ยหนู” ที่ล่าสุดก็ออกมาบอกว่า ไม่กล้าจีบ “หมอตี๋” เข้าร่วมพรรค เพราะเป็นถึง รมช.สาธารณสุข และ รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาก็ทำงานร่วมกันด้วยดีในกระทรวงสาธารณสุข
“ท่านมีอนาคตไกลในพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว เราจะไปดึงท่านมาทำไม เพราะพรรคภูมิใจไทย ก็มีบุคลากรที่มีความสามารถเยอะอยู่ คงไม่มีที่ที่เหมาะสมสำหรับท่าน และในการรับประทานอาหารวันนั้น ก็ไม่มีการพูดเรื่องจีบนายสาธิต แต่เป็นการหารือเรื่องงานต่างๆ และสถานการณ์การเมืองธรรมดาเท่านั้น” เสี่ยหนู กล่าวยืนยันอีกคน
ก็แหม…ในเมื่อพรรคหนึ่งกำลังกดสวิตช์ ติดเครื่องดูด สะสม“บ้านใหญ่” ส่วนอีกพรรคก็ตกอยู่ในสภาพเลือดไหลโกรก…แล้วมานั่งกินข้าวกันอย่างนี้ จะไม่ให้เข้าใจผิดได้ไง
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/pxva3qd
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home