‘บิ๊กป้อม-พปชร.’ เลือก 14 กุมภาฯ คิกออฟ สู้ศึกสนามเลือกตั้งเมืองหลวง
14 กุมภาฯ วันแห่งความรัก “บิ๊กป้อม-พปชร.”ใช้เป็นวันคิกออฟ สู้ศึกสนามเลือกตั้งเมืองหลวง เอาแน่ ปักหมุด ”ป้อมปราบศัตรูพ่าย” ด้านหัวหน้าทีมกทม.ตั้งเป้า ส.ส.เขต 6 เก้าอี้บวกลบ หึ่ง รทสช.เซ็ตอีเวนต์ ขอคิว บิ๊กตู่ เดินปากคลองตลาด ซื้อกุหลาบแดง
5 ก.พ. 2566 -นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ หัวหน้าทีมรับผิดชอบดูแลพื้นที่เลือกตั้งกรุงเทพมหานครของพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมพร้อมเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐในสนามกทม.ว่า ขณะนี้มีความพร้อมประมาณ 90 เปอร์เซนต์แล้วสำหรับพื้นที่เลือกตั้งกรุงเทพมหานคร โดยในส่วนของผู้สมัครส.ส.ระบบเขต กรุงเทพมหานครของพรรคพลังประชารัฐที่จะส่งลงเลือกตั้ง จนถึงขณะนี้เหลืออีกประมาณ 4-5 เขตที่ยังไม่ลงตัว ซึ่งเหตุที่ยังไม่ลงตัว ไม่ใช่เพราะว่าพรรคไม่มีคนส่งลงสมัครรับเลือกตั้งแต่เป็นเพราะ 1.พรรคอาจจะมีบุคคลที่จะส่งลงสมัครรับเลือกตั้งมากกว่าหนึ่งคนที่ต้องพิจารณา 2.เขตเลือกตั้งในพื้นที่กทม.ยังไม่ได้มีการประกาศแบ่งเขตที่ชัดเจนออกมา ทำให้ยังมีพื้นที่เลือกตั้งที่ยังทับซ้อนกันอยู่ ซึ่งผมคิดว่าภายในสักสองสัปดาห์ต่อจากนี้น่าจะเรียบร้อย แต่ว่าก็มีดีลเพิ่มเติมขึ้นมาเพราะทางผู้ใหญ่จากพรรคสร้างอนาคตไทยคือดร.อุตตม สาวนายน กับคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ตอนนี้ได้กลับเข้ามาพลังประชารัฐ ที่ทั้งสองท่านก็จะมีผู้สมัครส.ส.เขต กรุงเทพมหานคร ที่มาให้พิจารณาดูโดยเทียบจากผู้สมัครที่พลังประชารัฐมีอยู่เดิมเทียบกันดูว่าเป็นอย่างไร เพราะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ให้นโยบายมาว่า ต้องคัดเลือกคนที่ดีที่สุดลงสมัครแข่งขัน
นายสกลธีกล่าวว่า รายชื่อผู้สมัครส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต จะมีการผสมผสาน ระหว่างตัวเก๋า กับคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจจริง อย่างเขตไหน เป็นพื้นที่เก๋าสู้รบ แบบนี้ ก็ต้องส่งคนที่เก๋า หรือเขตไหนที่เป็นพื้นที่กระแส เช่นกรุงเทพมหานครเขตชั้นใน ที่อยู่ในเขตเลือกตั้งเช่น เขตที่ 1 2 3 4 5 ก็จะเป็นคนใหม่ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับใหม่เลย คือเคยลงพื้นที่ แต่ยังไม่ได้รับโอกาส ก็คือผู้สมัครส.ส.เขต กทม.ของพรรค จะเป็นลักษณะผสมผสานกัน ซึ่งคาดว่าภายในสองสัปดาห์ต่อจากนี้ รายชื่อผู้สมัครส.ส.เขต กทม.ทั้ง 33 เขตก็คงได้ข้อยุติ เพราะอย่างที่มีการพูดกันว่า เส้นตายคือ 7 ก.พ. ทำให้อย่างน้อยสัปดาห์หน้า ทุกอย่างก็ต้องเรียบร้อยเกือบจะร้อยเปอร์เซนต์
นายสกลธียอมรับว่า สนามเลือกตั้งกทม.เรื่อง กระแสเป็นปัจจัยสำคัญในการชี้ขาดผลแพ้-ชนะในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะกระแสที่จะออกมาตอนช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันลงคะแนนเสียง โดยกระแสของพรรคที่ส่งคนลงเลือกตั้ง จะอยู่ที่ระดับ 70 เปอร์เซนต์ ส่วนผู้สมัครจะอยู่ที่ประมาณ 30 เปอร์เซนต์
เมื่อถามว่าจากเลือกตั้งปี 2562 พลังประชารัฐเป็นแชมป์ในสนามกทม.คือ ได้ส.ส.เขต กทม.มากที่สุดคือ 12 เก้าอี้ แล้วรอบนี้ ตั้งเป้าไว้กี่เก้าอี้ นายสกลธี กล่าวตอบว่า ถ้าบอกตรงๆ ก็อยากได้ทุกเขต เพียงแต่ว่าการเลือกตั้งรอบที่แล้วปี 2562 ต้องยอมรับเลยว่า กระแสพลังประชารัฐ ที่มาเป็นกระแสของพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เป็นหลักในกรุงเทพฯ ปฏิเสธไม่ได้ในส่วนนั้น ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่อยู่ ย้ายไปรวมไทยสร้างชาติ ก็ต้องพูดตามตรงว่ากระแสก็ต้องตามนายกฯไปด้วย แต่ว่าของพรรคพลังประชารัฐก็ยังมีอยู่ แต่ว่าก็ต้องทำงานหนักขึ้นและตัวผู้สมัครก็ต้องทำงานหนักขึ้น แต่ว่าเลือกตั้งรอบนี้เป็นการเลือกตั้งด้วยบัตรสองใบ ไม่ใช่บัตรใบเดียว คือหากเป็นบัตรใบเดียว ยอมรับเลยว่าเหนื่อยรากเลือด คือพอนายกฯไป ก็หอบกระแสส่วนหนึ่งตามไปด้วย แต่เมื่อการเลือกตั้งใช้บัตรสองใบ บางคนก็รักนายกรัฐมนตรี แต่ก็ชอบผู้สมัครของพรรคเรา ก็มีสิทธิ์แบ่งมาได้ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่พลังประชารัฐ จะสู้ในส่วนนั้นได้ ส่วนหากถามว่าหวังกี่คน ถ้าตามความเป็นจริงที่ไม่ได้เกินเลย เอาแบบตรงๆ ผมว่า ก็ประมาณสัก 6 บวกลบ ที่จะดูเหมาะสมกับความเป็นจริงที่สุด
หัวหน้าทีมเลือกตั้งกทม.ของพรรคพลังประชารัฐ กล่าวอีกว่า สำหรับการคิกออฟการหาเสียงในพื้นที่กรุงเทพฯ ของพลังประชารัฐเบื้องต้น จะเป็นการลงพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยพลเอกประวิตร หัวหน้าพรรค ที่เบื้องต้น วางไว้ว่าอาจให้เป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ (วันวาเลนไทน์) ช่วงบ่ายๆ แต่อันนี้ยังไม่นิ่ง แต่ก็มีการวางไว้ ที่ก็จะเป็นอีเวนต์แรกที่หัวหน้าพรรคจะลงพื้นที่พร้อมกับผู้สมัครส.ส.เขต กทม.แบบจริงจัง โดยเรื่องที่จะลงพื้นที่แรกคือ “ป้อมปราบศัตรูพ่าย”ก็ไม่ใช่ว่าพรรคจะไปเป็นศัตรูกับใคร แต่เราถือว่า หัวหน้าพรรคชื่อป้อม “ป้อม”ก็มาปราบศัตรูให้พ่าย ซึ่งศัตรู ก็ไม่ใช่พรรคการเมือง แต่ศัตรูคือความลำบาก ความเดือดร้อนของประชาชน ที่เราจะมาปราบ ชื่อก็มาคล้องกัน ตรงนี้เราก็จะมาเอาฤกษ์เอาชัย ที่หัวหน้าพรรคจะพาผู้สมัครส.ส.เขต กทม.ของพลังประชารัฐลงพื้นที่ในกรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก แต่รูปแบบในการลงพื้นที่ อย่างหากจะเป็นการปราศรัย แต่ด้วยพื้นที่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ที่เป็นพื้นที่ซึ่งค่อนข้างจำกัด ก็อาจจะเป็นรูปแบบเช่นการไปไหว้พระสามวัด ทั้งมัสยิด วัดจีน วัดไทยและมีกิจกรรมให้หัวหน้าพรรคทำสักอย่างหนึ่งเพื่อเป็นการโหมโรงว่าขณะนี้ได้นับหนึ่งแล้ว กรุงเทพมหานคร เราจะลุยหาเสียง
ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่า บรรดาว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต กรุงเทพมหานครของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกันภายในว่า หากเป็นไปได้ อยากให้พรรคเริ่มเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตกทม.บางเขตที่ลงตัวแล้ว ก่อนวันที่ 14 ก.พ. หรือหากยังไม่เคาะ ก็ควรที่พรรคจะต้องมีอีเวนต์การเมืองออกมาต่อเนื่อง เพื่อสร้างกระแสในพื้นที่กทม.
โดยมีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต กทม.บางส่วนของรวมไทยสร้างชาติ มีแนวคิดว่า อยากให้พรรคจัดเวลาให้ พลเอกประยุทธ์ แคนดิเดตนายกฯของรวมไทยสร้างชาติ มาทำกิจกรรมในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์นี้ เช่นการไปเดินที่ตลาดปากคลองตลาด ที่เป็นแหล่งซื้อขายดอกกุหลาบ สัญลักษณ์วันวาเลนไทน์ เพื่อสร้างกระแสพรรค ลักษณะเดียวกับที่พลเอกประยุทธ์ไปเดินเยาวราช ในวันตรุษจีนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะพบว่าวันที่ 14 ก.พ.ตรงกับวันอังคารที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี จึงทำให้อาจจัดคิวให้นายกฯ มาลงพื้นที่ได้ลำบากเพราะตรงกับช่วงเวลาราชการ จึงอาจต้องให้แกนนำพรรคที่รับผิดชอบพื้นที่เลือกตั้ง กทม.ไปแทน
Source link
from World eNews Online https://ift.tt/UMbe9D2
via World enews
Labels: news, World eNews Online, worldnews
0 Comments:
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home