Wednesday, April 12, 2023

‘ความสัมพันธ์ไร้ขีดจำกัด’ เป็นแค่ ‘วาทศิลป์’ ทางการทูต?



 จริงหรือที่ทูตจีนประจำสหภาพยุโรปบอกว่า คำประกาศของจีนกับรัสเซียเรื่อง “ความสัมพันธ์ไร้ขีดจำกัด”  ของทั้งสองประเทศเมื่อเร็วๆ นี้เป็นเพียง “เครื่องมือแห่งวาทศิลป์” เท่านั้น?

นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐฯ อ้างว่าทูต Fu Cong  (ฟู่ ชง) ตอบคำถามเรื่องนี้ด้วยประโยคที่ว่า

 “But Mr. Fu said China was not on Russia’s side on the war and that some people deliberately misinterpret this because there’s the so-called ‘no limit’ friendship or relationship.”

He added, “No limit is nothing but rhetoric.”

แปลตรงๆ ก็คือ ทูตจีนยืนยันกับสื่ออเมริกันว่าจีนไม่ได้อยู่ข้างรัสเซียในเรื่องสงคราม

บางคน “พยายามจะตีความเรื่องนี้ผิดๆ อย่างตั้งใจเพราะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ไร้ขีดจำกัด’ ในมิตรภาพและความสัมพันธ์ของสองประเทศ”

ทูตฟู่ ชง เสริมว่า

 “คำว่าไร้ขีดจำกัดนี้ ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากวาทศิลป์เท่านั้น”

ผมอ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้วก็ต้องฉุกคิดขึ้นมาว่า ถ้าทูตจีนพูดตรงไปตรงมาอย่างนี้ เราก็ย่อมจะต้องทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์ของปักกิ่งกับมอสโกใหม่ในหลายมิติ

เพราะหากภาษาในแถลงการณ์ร่วมของสองประเทศบางคำที่เราพยายามจะทำความเข้าใจหรือตีความให้ลุ่มลึกเป็นเพียงเรื่องของภาษาการทูตที่ให้ฟังดูไพเราะเท่านั้น แต่อาจจะไม่มีความหมายในสาระ เราก็ต้องวิเคราะห์อีกแบบหนึ่งในวันข้างหน้า

เอกอัครราชทูตจีนประจำสหภาพยุโรปคนนี้เพิ่งมารับตำแหน่งใหม่นี้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

เขาบอกว่า นักวิจารณ์ทางตะวันตกตีความความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียผิด

เป็นการให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตกก่อนที่ประธานาธิบดี Emmanuel Macron ของฝรั่งเศส และ Ursula von der Leyen จากคณะกรรมาธิการยุโรปจะไปเยือนปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

อ่านระหว่างบรรทัดของคำให้สัมภาษณ์ของทูตจีนคนนี้ก็สามารถเข้าใจได้ว่า เขาพยายามจะรักษาระยะห่างของจีนกับรัสเซียในกรณีสงครามยูเครนค่อนข้างชัดเจน

อะไรคือที่มาของวลี “ความสัมพันธ์ที่ไร้ขีดจำกัด” ระหว่างจีนกับรัสเซีย?

ทันทีที่วลีนี้ปรากฏเป็นข่าว ก็ทำให้ผู้ติดตามข่าวสารระดับโลกต้องหันมาพิเคราะห์กันอย่างคึกคัก

เหตุเกิดเพียงสามสัปดาห์ก่อนที่รัสเซียจะรุกรานยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ วี. ปูติน และสี จิ้นผิง ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมที่ประกาศว่า “ไม่มีขีดจำกัด” สำหรับมิตรภาพของสองประเทศ

แต่ทูตฟู่ ชง บอกนักข่าวฝรั่งว่าจีนไม่ได้อยู่ข้างรัสเซียในสงคราม และบางคน “จงใจตีความสิ่งนี้ผิด เพราะมีสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพหรือความสัมพันธ์ที่ไร้ขีดจำกัด”

เขากล่าวเสริมว่า คำว่า “ไม่จำกัด” เป็นเพียงวาทศิลป์เท่านั้น

เป็นคำตอบที่มีความน่าสนใจทั้งในแง่การทูต การเมือง และความเป็นจริงแห่งความสัมพันธ์ของสองยักษ์ในยามโลกกำลังเผชิญกับความผันผวนอย่างหนัก

ทูตจีนยืนยันว่าจีนไม่ได้ให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่รัสเซีย

ที่มีความหมายมากกว่านั้นคือ คำกล่าวของทูตจีนคนนี้ที่ว่าจีนไม่ยอมรับความพยายามของรัสเซียในการผนวกดินแดนของยูเครน รวมถึงไครเมียและดินแดนด้านตะวันออกคือ ดอนบาส ของยูเครน

นักข่าวถามว่า ทำไมปักกิ่งถึงไม่ได้ประณามการที่รัสเซียบุกยูเครน

เป็นคำถามที่สำคัญเช่นกัน

คำตอบจากทูตจีนคือ จีน “เข้าใจ” คำกล่าวอ้างของรัสเซียเกี่ยวกับสงครามป้องกันการรุกล้ำของนาโต

และเพราะรัฐบาลจีนเชื่อว่า “ต้นตอของปัญหานั้นซับซ้อนกว่าที่ผู้นำชาติตะวันตกพูด”

ทำไมประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังไม่ได้โทร.หาประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน?

ทูตฟู่ ชง ชี้แจงว่า การที่ยังไม่มีการต่อสายระหว่างผู้นำจีนกับยูเครนนั้นไม่ได้มีความสำคัญมากนัก

เหตุผลหนึ่งคือผู้นำจีนมีงานยุ่งมาก

อีกทั้งยังมีการติดต่อระดับล่างระหว่างทั้งสองประเทศบ่อยครั้งอยู่แล้ว

ทูตจีนคงตระหนักดีว่า หนีไม่พ้นว่านักวิเคราะห์ชาวตะวันตกจะต้องตั้งประเด็นว่าสีอุตส่าห์ไปหาปูตินถึงมอสโก

แต่ไฉนแค่ยกหูไปหาเซเลนสกีจึงกลายเป็นเรื่องลำบากยากเย็น

 “ผมรู้ว่าผู้คนกำลังจับจ้องไปที่ประเด็นนี้” นายฟู่กล่าว “แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าประธานาธิบดีสียังไม่ได้สนทนากับเซเลนสกี ไม่ได้หมายความว่าจีนอยู่ข้างรัสเซียในประเด็นยูเครน”

แต่ที่ทูตจีนยืนยันว่าปักกิ่งจะไม่จัดหาอาวุธให้รัสเซียใช้ในยูเครน ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอนาคตก็มีความหมายไม่น้อยสำหรับการวิเคราะห์สถานการณ์สู้รบในยูเครน

ทูตฟู่ ชง ตำหนิรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ที่พูดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่าจีนกำลังพิจารณาจัดหาอาวุธร้ายแรงให้รัสเซีย

ทูตจีนบอกว่า การพูดเช่นนี้เท่ากับว่าบลิงเคนกำลังเผยแพร่ “เรื่องโกหกผ่านสื่อทีวี”

ทูตฟู่บอกว่า เขาหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะยกเลิกการคว่ำบาตรและยุติความชะงักงันของข้อตกลงการค้า

นั่นหมายถึงข้อตกลงระหว่างจีนกับสหภาพยุโรปที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการลงทุนในสหภาพยุโรป

สะท้อนว่าจีนมีความกังวลไม่น้อยกับการที่ยุโรปยังตั้งหน้าตั้งตาจะสกัดจีน ด้วยการใช้วิธีบอยคอตตามรอยสหรัฐฯ

จึงจับสัญญาณของท่าทีประนีประนอมของจีนได้ในเรื่องนี้

ทูตจีนพูดตอนหนึ่งว่า “เราเปิดรับข้อเสนอแนะ หากพวกเขาคิดว่าถ้าจีนทำสิ่งหนึ่ง และเราจะทำอย่างอื่นได้ เรามาคุยกันเรื่องนี้ และเรายินดีที่จะสำรวจลู่ทางทั้งหมดร่วมกัน”

ทูตจีนไม่ลังเลที่จะเรียกร้องให้ยุโรปกำหนดนโยบายของตนเองให้แตกต่างจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของการพูดคุยระหว่างจีนกับอียู

ทูตฟู่ ชง ชี้นิ้วไปที่สหรัฐฯ ว่าพยายามอย่างไม่เป็นธรรมที่จะขัดขวางการพัฒนาของจีนภายใต้ข้ออ้างเรื่องการคุกคามความปลอดภัย

และไม่ลืมที่จะตอกย้ำว่า ยุโรปควรกำหนดนโยบายของตนเองและสร้าง “ความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์” ให้มากขึ้น แทนที่จะเดินตามผู้นำของวอชิงตัน

ตอนหนึ่งของการตอบคำถามสื่อสหรัฐฯ ทูตจีนคนนี้ซัดตรงๆ ว่า

 “สหภาพยุโรปอ้างเสมอว่าตัวเป็นใหญ่ เป็นศูนย์กลางอำนาจโลก เป็นศูนย์กลางอำนาจอิสระในโลก เท่าสหรัฐอเมริกาเท่ากับจีน”

ทิ้งทายด้วยคำถามท้าทายว่า

 “แล้วทำไมยุโรปต้องคอยฟังอเมริกาตลอดเวลา?”

แสบๆ คันๆ ตามประสาการทูตจีนสี จิ้นผิง เข้าสู่อำนาจสมัยที่สามเลยทีเดียว!

The post ‘ความสัมพันธ์ไร้ขีดจำกัด’ เป็นแค่ ‘วาทศิลป์’ ทางการทูต? appeared first on .

ซื้อของออนไลน์ที่ shopee ช้อปสินค้าง่ายๆ ราคาถูก มีโปรโมชั่นมากมาย ☆ShopeeMall สินค้าของแท้ 100% คืนง่ายใน 15 วัน ส่งฟรีทั่วไทย.


Source link

from World eNews Online https://ift.tt/aRqroBe
via World enews

Labels: , ,

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home